บทสรุปฉบับแฮมแฮม

  เข้าใจ อัตมโนทัศน์ เมื่อไหร ก็สามารถเป็นคนที่ตัวเองอยากเป็นเมื่อนั้น       บอกตามตรงนะครับว่า ตั้งแต่เกิดมา   ผมยังไม่เคยได้ยินคำว่า อัตมโนทัศน์ มาก่อนเลย เพิ่งจะมาเข้าใจความหมายของมัน ก็วันนี้   ล่ะครับ     นี่ก็ ถือเป็นข้อดีของการทำพอดแคสต์นะครับ มันทำให้เรา   ได้เรียนรู้ความรู้ใหม่ ๆ   ในทุก ๆ วันเลย   ซึ่งคำว่าอัตมโนทัศน์นี้นะครับ ผมได้อ่านมาจากหนังสือที่ชื่อว่า อ่านจิตรู้ใจผู้อื่น ของอีซามุไซโต้ครับ   คุณไซโต้     เขาได้หยิบยก ทฤษฎีอัตมโนทัศน์ของนักจิตวิทยาที่ชื่อว่า แชวเวลซัน มาเล่าให้ฟังครับ     โดยคำว่าอัตมโนทัศน์นี้นะครับ ก็คือ ความสามารถในการรับรู้ ศักยภาพของตนเอง ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน และทัศนคติ ผ่านการประเมินด้วยตัวของเราเองครับ     อาจจะพูดได้ว่าถ้าใครก็ตามเข้าใจทฤษฎีนี้   ก็จะเป็นคนที่ สามารถเข้าใจตัวเองได้อย่างแท้จริงครับ สามารถรู้ได้ว่าเราเป็นคนแบบไหน แล้วจะพัฒนาตัวเองให้เป็นในแบบที่เราอยากเป็นได้อย่างไร     ประเด็นก็คือ การที่จะทำความเข้าใจตัวเอง ด้วยทฤษฎีนี้นะครับ จำเป็นต้องเขียนด้วยนะครับ ดังนั้นคุณผู้อ่านที่อยากจะรู้จักตัวเอง   ก็พอส

    ถ้าอยากให้ใครรู้สึกดี ต้องหัดชมให้เป็น       มนุษย์เราส่วนใหญ่นะครับ มักจะมีความสุขกับความทุกข์ด้วยเรื่องง่าย ๆ อย่างเช่น การโดนคนอื่นกล่าวชม   หรือการโดนคนอื่นพูดจาไม่ดีใส่     แน่นอนครับว่าทุกคนต่างรู้ดีว่า คำพูดเหล่านั้นถ้าเราไม่เก็บมาคิดซะอย่าง มันก็ทำอะไรเราไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนกับว่า พวกเราก็ปล่อยวางกับเรื่องนี้ไม่ได้กันสักที     พอมีคนพูดจาไม่ดีใส่ พูดแทงใจดำ พูดทำร้ายจิตใจ เราก็จะเสียใจกับคำพูดเหล่านั้น     และในทางตรงกันข้าม หากมีคนมาพูดกล่าวชม พูดถึงเราในทางที่ดี ยกย่องสรรเสริญเรา เราก็จะมีความสุข     ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนเป็นเหมือนกันนะครับ   ดังนั้นสิ่งที่เราควรที่จะปฏิบัติกับผู้อื่น ก็เห็นกันชัด ๆ อยู่แล้วนี่ครับ เราก็ควรที่จะพูดถึงเขาในทางที่ดี กล่าวชมเขาบ้างในโอกาสที่เหมาะสม เพียงเท่านี้คุณผู้อ่านก็สามารถทำให้คนรอบข้างของคุณผู้อ่าน  มีความสุขได้แล้วครับ     ทีนี้ประเด็นก็คือ บางคนกล่าวชมไม่ค่อยเก่งน่ะสิครับ ไม่รู้ว่าจะต้องชมแบบไหน ชมยังไง ถึงจะเป็นการชมที่ดี ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีได้     ซึ่งผู้ชายหลายคนนี้  พลาดตรงนี้หนักมากเลยนะครับ เวล

เทคนิคหลอกถามความในใจด้วยเรื่องสมมุติ       ในสังคมที่ทุกคนล้วนใส่หน้ากากเข้าหากัน การที่เราจะล่วงรู้ ความในใจของใครสักคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ เลยนะครับ แต่ถ้าเราสามารถรู้สิ่งที่เขาคิด รู้ความในใจของเขาได้จริง ๆ แล้ว  คุณผู้อ่านคิดว่า มันจะเป็นเรื่องที่ดีจริงหรือเปล่า     ในซีรีย์เรื่อง Smallville นะครับ เค้าได้เล่าถึง ชีวิตของซุปเปอร์แมนสมัยตอนเด็ก ในตอนนั้น Clark kent ของเรา  เพิ่งจะได้พลังพิเศษในการมองทะลุกำแพงได้มาครับ     เขาจึงใช้สายตาเอกซเรย์ของเขา   มองทะลุทะลวงทุกอย่าง   และมองเห็นความจริงที่ถูกซ่อนไว้หลังกำแพง     ซึ่งก็ได้มีอยู่ฉากหนึ่งครับ ที่เขาได้ใช้สายตาเอกซเรย์มองทะลุกำแพง จนไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็น นั่นคือ การเห็นคนที่เขาชอบอยู่กับผู้ชายคนอื่น ทำให้เขาเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก     เขาจึงหันไปถามกับแม่ของเขาครับว่า ถ้าเราสามารถมองเห็นได้ทุกสิ่ง เราควรที่จะทำยังไงครับ แม่ของเขาจึงตอบว่า เราก็ต้องหัดเรียนรู้ที่จะหลับตาเสียบ้างนะลูก     เรื่องนี้สอนให้รู้นะครับว่า การมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง การรู้ไปซะทุกเรื่อง  อาจจะไม่ได้ส่งผลดีกับเราอย่างที่คิดก้ได้ครับ   แต่

  วิธีเอาชนะคนหล่อ   โดยทั่วไปแล้วนะครับ คนที่เกิดมามีรูปร่างหน้าตาที่ดี มักจะมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม และเพศเดียวกันให้เข้าหาโดยอัตโนมัติครับ พวกเขาแทบจะไม่ต้องพยายามอะไรเลย เพื่อที่จะให้ใครสักคนหนึ่ง  หันมาชอบเขา     ซึ่งข้อได้เปรียบตรงนี้  ถือว่าโกงมาก ๆ เลยนะครับ   แต่คุณผู้อ่านเคยได้ยินคำนี้ไหมครับ คารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรอง   ดูเหมือนว่าบนโลกใบนี้  ก็ยังมีสิ่งที่สามารถเอาชนะความหล่อได้อยู่เหมือนกันนะครับ     ซึ่งวันนี้ล่ะครับ ผมจะมาบอกถึงเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ใช้เพื่อเอาชนะคนหล่อ   เพราะคนไม่หล่ออย่างพวกเรา  ก็มีเวทีต่อสู้   ในแบบของคนไม่หล่อ อยู่เหมือนกันครับ     และเคล็ดลับที่ผมจะแนะนำก็คือ พลังของความใกล้ชิดนั่นเองครับ     ความใกล้ชิดในเชิงกายภาพนะครับ มักจะก่อให้เกิดความสนิทสนมเสมอครับ     ซึ่งถ้าพูดถึงความสนิทแล้ว  คุณผู้อ่านรู้สึกยังไงกับคำนี้บ้างครับ     แน่นอนว่าเราต้องรู้สึกดี ๆ กับคน ๆ นั้นถูกไหมครับ เพราะถ้าเราไม่ได้รู้สึกดี ๆ ด้วย  เราคงไม่อยากสนิทกับคนคนนั้นอย่างแน่นอน ดังนั้นในคำว่าสนิท  มันมีแต่ความรู้สึกดี ๆ อยู่ในนั้นครับ ซึ่งในความรู้สึกดี ๆ ที่ว่านี่  มันก็รวมถึงควา