บทความ (แนะแนว) แชร์วิธีเอาตัวรอดในรั้วมหาลัย 1/3

 



ช่วงนี้มหาลัยก็เริ่มทยอยเปิดเทอมแล้วนะครับ วันนี้ผมก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ที่มีนะครับ ในช่วงตอนที่เรียนมหาลัยให้กับคุณผู้อ่านที่กำลังจะ เป็นนักศึกษาใหม่  ได้ฟังกันนะครับ และผมเชื่อว่าจะต้องเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน 

เพราะผมมองว่า ประสบการณ์ชีวิต ที่ได้รับในตอนที่เรียนมหาลัย  มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหา หรือว่าทดแทนได้จากที่อื่นนะครับ  ดังนั้นการเตรียมพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่ชีวิตมหาลัย  จึงเป็นสิ่งที่ควรทำนะครับ 

เพราะว่าเมื่อเราจบการศึกษาไปแล้ว  เราอาจจะไม่มีโอกาสได้ย้อนกลับไปทำสิ่งที่ควรทำ ในช่วงเวลานั้นอีกแล้วก็ได้นะครับ 

 

ซึ่งถ้าพูดถึงก้าวแรกของชีวิตมหาลัยแล้ว  เราก็คงจะนึกถึงการรับน้องใช่ไหมครับ แต่จริง ๆ แล้ว  มันยังมีสิ่งที่ เราต้องให้ความสำคัญก่อนหน้านั้นอยู่นะครับ

 

นั่นก็คือการเลือกคณะที่จะเรียนนั้นเอง เพราะว่าการเรียนในมหาลัย  มันไม่ได้เหมือนกับตอนเราเรียนมัธยมนะสิครับ คือตอนเรียนมัธยม  เราอาจจะเอาความรู้ที่มีนะครับ ไปใช้เพื่อสอบ ดังนั้นเมื่อเปิดเทอมวันแรกนะครับอาจารย์ก็จะเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็บอกกับนักเรียนทุกคนว่า ให้เปิดบทที่ 1

แต่การเรียนในระดับมหาลัย  มันต่างออกไปนะครับ  เพราะว่ามันไม่ได้เป็นการเริ่มจาก 0 เหมือนกับที่ผ่านมา แต่มันคือการเริ่มต้นของคนที่สนใจในวิชานั้น ๆ  ที่พวกเขา   ได้ศึกษาและก็เรียนรู้ด้วยตัวเอง มาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้วนะครับ

 

ผมยกตัวอย่างเช่น สมมุติคุณผู้อ่าน  เลือกเรียนนิเทศภาพยนตร์นะครับ ถ้าคุณผู้อ่านเข้าไปเรียนวันแรก  คุณผู้อ่านจะพบเลยนะครับว่า คนที่เรียน  ไม่ใช่คนที่เพิ่งจะมาสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์นะครับ แต่พวกเขา  คือคนที่สนใจเกี่ยวกับการทำภาพยนตร์ มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว

 บางคน  ฝึกใช้โปรแกรมตัดต่อวีดีโอเป็น ตั้งแต่ยังไม่ได้เรียนเลย บางคนชอบดูหนัง เป็นชีวิตจิตใจ ตั้งแต่เด็ก ๆ  รู้จักหนังทุกเรื่อง รู้จักพอร์ตเรื่องทุกแบบ แถมบางคน  อาจจะโชคดีมาก ๆ  มีเส้นสายเป็นคนในวงการ คืออาจจะมีพ่อ เป็นผู้กำกับหนัง ก็เลยมาเลือกเรียนสาขานี้ เพื่อที่ว่า จบไป  ก็จะได้มีงานทำเลย อะไรประมาณนั้นนะครับ 

 

จะเห็นนะครับว่าคนส่วนใหญ่ที่เลือกเรียนมหาลัย  เขาก็จะมีความชอบความสนใจในด้านนั้น ๆ  หรือทักษะที่เกี่ยวข้องกับด้านนั้น ๆ อยู่ก่อนแล้วนะครับ 

 

ทำให้การเริ่มต้น ของการเรียนมหาลัย  มันจึงไม่ได้เริ่มจาก 0 เหมือนที่คุณผู้อ่านหลายท่านเข้าใจนะครับ 

 

ดังนั้นถ้าคุณผู้อ่านคิดว่า เราก็แค่ทำหัวให้โล่ง ๆ  แล้วเดินเข้าไปตั้งใจเรียน ให้เหมือนตอนเรียนมัธยม  ก็อาจจะตามเพื่อนไม่ทันได้นะครับ 

 

ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ  สำหรับก้าวแรก ในการเข้าสู่ การเรียนรู้ในรั้วมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ครับ

 

ดังนั้นสิ่งที่คุณผู้อ่านจำเป็นต้องทำเป็นอย่างแรกนะครับ แน่นอนครับ หลังจากที่เราสอบเข้าเสร็จอะไรหมดแล้ว

 

 มันก็จะยังมีเวลาว่างอยู่เป็นเดือน ๆ เลยใช่ไหมครับก่อนที่มหาลัยจะเปิดเทอม แถมช่วงนี้มีโควิคด้วย  ก็อาจจะเลื่อนออกไปอีกก็ได้นะครับ ช่วงเวลานั้นล่ะครับ เราต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม ก่อนที่จะเริ่มเรียนจริง ๆ  บอกเลยนะครับว่า ความตั้งใจอย่างเดียว  มันไม่พอครับ เราต้องศึกษาด้วยตัวเองให้เป็นด้วย

 

สิ่งที่ต้องทำนะครับ ก็คือคุณผู้อ่าน  อย่าปล่อยให้ช่วงเวลาว่างตรงนี้  เสียเปล่าโดยเด็ดขาดเลยนะครับ 

แต่ให้คุณผู้อ่าน  พยายาม หาข้อมูลนะครับว่า แต่ละเทอม  เค้าเรียนวิชาอะไรกันบ้าง แล้วก็พยายามทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ 

 

เพราะว่าบางวิชา  มันไม่สามารถเรียนรู้ได้ในระยะเวลาอันสั้นนะครับ ผมยกตัวอย่างเช่นสมมุติคุณผู้อ่านเรียนคอมพิวเตอร์ การปั้นโมเดล 3 มิติ แน่นอนว่า มันไม่ใช่อะไรที่เราจะเรียนรู้ แล้วก็ทำตามได้ในเวลาอันสั้นนะครับ 

คนที่จะปั้นโมเดล 3 มิติออกมาได้ดี  เขาต้องฝึกฝนเป็นแรมปีกันเลยทีเดียว

 

ซึ่งการรู้วิชาที่เราต้องเรียนตั้งแต่เนิ่น ๆ   มันมีประโยชน์อีกอย่างก็คือ มันจะช่วยในการประเมินความสามารถของเราด้วยนะครับ ว่าเราจะเรียนได้รึเปล่า

 

เพราะผมเจอมาแล้วนะครับ มีเพื่อนผมคนหนึ่งครับ เค้าตั้งใจที่จะเรียนคอมพิมเตอร์ แต่ว่าเค้า  ไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย ซึ่งตอนปี1ปี2  เค้าก็ยังพอที่จะถูไถไปได้ แต่พอขึ้นปี3 วิชามันจะเริ่มยากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ สุดท้ายเค้าก็เรียนไม่ไหวต้องสิ้ว เริ่มต้นใหม่เลย

 

ดังนั้นหากเราไม่มีพื้นฐานอะไรเลย  มีแต่ความตั้งใจอย่างเดียว  บอกเลยว่า อาจจะตามเพื่อน ๆ ไม่ทันก็ได้นะครับ 

 

ซึ่งเคล็ดลับของการเรียนให้ดี  มันก็มีอยู่หลายวิธีล่ะครับ แต่งวิธีที่ผมรู้สึกว่า เข้าขั้นขีโกงเลย  ก็มีอยู่เหมือนกันนะครับ  และสิ่งนั้น  ก็คือ Connection นั้นเองครับ แต่ส่วนตัวผมนะครับ

ผมจะเรียกมันว่า เส้นสายมากกว่า 

 

คุณผู้อ่านลองจินตนาการตามผมดูนะครับ สมมุติคุณผู้อ่านเลือกเรียนสาขาคอมพิวเตอร์ แล้วปรากฏว่าคุณผู้อ่าน  มีญาติพี่น้องหรือว่ามีพ่อเป็นโปรแกรมเมอร์ จะเกิดอะไรขึ้น 

 

สมมุติว่าพ่อของคุณผู้อ่านทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ เมื่อคุณผู้อ่านเรียนในห้องเรียน แล้วไม่เข้าใจตรงไหน คุณผู้อ่าน ก็สามารถถามกับพ่อของคุณผู้อ่านได้ และแน่นอนโปรแกรมเมอร์ที่มีประสบการณ์การทำงานจริง  ย่อมมีความรู้มากกว่าอาจารย์ผู้สอนอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้คุณผู้อ่านสามารถเข้าใจในบทเรียนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนะครับ

และแน่นอน อุปกรณ์การเรียนของคุณผู้อ่าน ก็จะล่ำหน้าเพื่อน ๆ ไปมากเลยครับ เพราะคุณผู้อ่านสามารถหยิบยืมของจากที่บ้านมาใช้เรียนได้

แค่นั้นยังไม่พอครับ พอขึ้นปี4  ทางมหาลัยก็จะให้คุณผู้อ่าน ไปฝึกงานที่บริษัทต่าง ๆ ถูกไหมครับ แล้วถ้าเกิดพ่อของคุณผู้อ่านทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่แล้ว  แน่นอนว่า คุณผู้อ่านก็สามารถฝึกงานที่เดียวกับบริษัทพ่อไปเลย ก็ได้

 

แล้วหลังจากที่คุณผู้อ่านเรียนจบไป  การหาสถานที่ทำงาน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปครับ เพราะพ่อของคุณผู้อ่าน  ย่อมรู้จักคนในวงการนี้อยู่แล้ว ดังนั้นการจะฝากฝังลูกสักคนหนึ่ง ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากจนเกินไป 

 

เห็นไหมครับว่าการเลือกเรียนในสาขาวิชาที่เรามีเส้นสายมันมีประโยชน์มากแค่ไหน 

 

แต่อย่างไรก็ตามนะครับ ผมก็ไม่ได้บังคับนะครับ แค่แนะนำเฉย ๆ  ถ้าคุณผู้อ่าน มีสาขาวิชาที่ชอบ ที่อยากจะเรียนจริง ๆ   แต่ว่าไม่ได้มี Connection ใด ๆ เลย ก็ไม่เป็นไรนะครับ เพียงแต่เราอาจจะต้องทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนมากสักหน่อยก็เท่านั้นเอง 

 

เรื่องราวน่าสนใจในรั้วมหาลัยยังอีกหลายประเด็นเลยนะครับ ไว้เดี๋ยว EP ถัดไปผมจะหยิบยกประเด็นที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังอีกก็แล้วกันนะครับ แต่สำหรับคืนนี้   ก็ขอให้ความสุขส่งไปถึงหัวใจ แล้วพบกันใหม่ ฝันดีครับ 


สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ

จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม  พอดแคสต์

ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บทความ แตะตัวทำให้ชอบกันได้ไหม

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน

บทความ ทำนายชีวิตรัก ด้วยความรักทั้ง 6 รูปแบบ

บทความ งานวิจัยเผย การพูดคุยกับคนแปลกหน้าจะทำให้เรามีความสุข