บทความ (แนะแนว) แชร์วิธีเอาตัวรอดในรั้วมหาลัย 2/3

 





(แนะแนว) แชร์วิธีเอาตัวรอดในรั้วมหาลัย 2/3

 

สวัสดีครับยินดีต้อนรับเข้าสู่ บทสรุปฉบับแฮม แฮม พอดแคสต์ ดำเนินรายการโดยผม แฮม มติพงศ์ ตรึกตรอง

 

เอาละครับ epนี้  ต่อเนื่องจากepที่33นะครับ ก็คือเรากำลังพูดคุยกันถึงวิธีการเอาตัวรอดในรั้วมหาลัยกันอยู่นะครับ ในepที่แล้ว  ผมก็ได้แนะนำไปนะครับ ถึงวิธีการ เตรียมตัว ก่อนที่จะเปิดเทอมนะครับ แล้วก็วิธีการเลือกสาขาวิชาที่จะเรียน 

 

มาถึงเรื่องต่อไปที่เราต้องเจอนะครับ ซึ่งผมเชื่อว่าเรื่องนี้  เป็นเรื่องที่นักศึกษาใหม่หลายคนค่อนข้างกังวนกับมันมาก ซึ่งเรื่องที่ว่านี้  ก็คือการรับน้องนั้นเอง

 

คือจะบอกว่า ประเด็นความน่ากลัวของการรับน้องนี้  มันเป็นกันทุกยุคทุกสมัยจริง ๆ ครับ ซึ่งตอนผมเข้ามหาลัยใหม่ ๆ   ก็มีข่าวน่ากลัว ๆ แบบนี้เหมือนกัน รุ่นพี่โหด รับน้องจนปางตาย ลวนลาม ทารุ่นนักศึกษาใหม่ต่าง ๆ นา ๆ

 

ซึ่งข่าวพวกนี้  มันทำให้ผมกลัวการรับน้องมากนะครับ เรียกได้ว่ามีอคติกับรุ่นพี่ ตั้งแต่ยังไม่ได้รู้จักกันเลยก็ว่าได้

 

แต่ว่าพอเอาเค้าจริง  รุ่นพี่คณะผมนะครับ ใจดีมาก ๆ เลย เรียกได้ว่าบางคน  ออกแนวติงต้องเลยก็ว่าได้ 

 

คือเหมือนกับว่าพวกเค้า  ก็ไม่เคยเป็นรุ่นพี่คนอื่นมาก่อนเหมือนกัน ก็เลยตื่นเต้นกันมาก ๆ เลย

 

แต่แน่นอนละครับว่าวัฒนธรรมพี่วาคอะไรเงี้ย มันก็ ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน แล้วพอมันมาผสมกับที่เราอคติอยู่แล้วด้วย

ยิ่งไปกันใหญ่เลย

 

ซึ่งเรื่องนี้  ผมมองแบบนี้นะครับว่า การรับน้อง  มันเป็นวัฒนธรรม องค์กรที่มีวัตถุประสงค์ ต้องการที่จะทำให้พี่น้องในคณะรักกันนะครับ

 

เพียงแต่ว่า คนเราก็ร้อยพ่อพันแม่ครับ ถ้าเกิดคนจิตไม่ปกติ ดันได้เป็นรุ่นพี่ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็อาจจะเป็นคราวซวยของรุ่นน้องขึ้นมาก็ได้ 

 

แต่ทีนี้ประเด็นก็คือผมไม่อยากให้คุณฟังที่กำลังจะเข้ามหาลัย  ต้องมาเครียดกับเรื่องนี้ให้มากนะครับ เพราะว่าจากสถิติแล้ว  รุ่นพี่โหดรับน้องแบบทารุณเหล่านี้ ครับ มันก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น  ยังมีรุ่นพี่ที่รับน้องกันแบบดี ๆ   อยู่อีกมากมายครับ 

 

คุณผู้อ่านก็ไม่ต้องไปกลัวกับเรื่องนี้ให้มากก็ได้ครับ เพียงแค่ระวังตัวเองไว้ก็พอ ถ้าดันเจอรุ่นพี่บ้าอำนาจมากเกินไปเมื่อไหร่  ก็ให้ถอยห่างออกมาซะ เพราะว่าการไม่เข้ารับน้องหรือไม่ให้ความร่วมมือเกี่ยวกับการรับน้อง  มันก็ไม่มีผลกับการเรียนของเราเลยแม้แต่น้อยนะครับ 

 

หลายคนคิดว่าถ้าเกิดไม่ทำตามที่รุ่นพี่สั่ง  ต่อจากนี้ 4 ปีอาจจะโดนรุ่นพี่กลั่นแกล้งก็ได้ หรืออาจจะเรียนไม่จบก็ได้ ซึ่งความจริงแล้วนะครับ มันไม่มีเรื่องแบบนั้นนะครับ 

 

เพราะตัวผมเอง ก็ไม่ได้เข้ารับน้องต่างจังหวัดนะครับ ก็ยังเรียนจบมาได้เลย แล้วก็มีเพื่อนผมอีกหลายคนครับ ที่แทบจะไม่เข้ารับน้องเลย ก็จบได้เหมือนกัน

 

เพราะหลังหมดพิธีรับน้องแล้ว  เรากับรุ่นพี่ก็แทบจะไม่ได้มีกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีกเลย 

 

ถ้าคุณผู้อ่านจะเจอรุ่นพี่อีกครั้งหนึ่ง  ก็คงจะเจอตอนที่เดินสวนกันในมหาลัย ไม่ก็เจอในคาบเรียน เพราะรุ่นพี่เหล่านั้น สอบตก ก็เลยต้องมาเรียนกับคุณผู้อ่านเท่านั้นล่ะครับ 

 

นอกนั้น  ก็แทบจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย ดังนั้น ถ้าเจอรุ่นพี่ที่ดีก็ดีไปครับ แต่ถ้าเจอไม่ดี  ก็โดดรับน้องมันซะเลย 

 

ประเด็นก็คือคนที่จะอยู่กับเราต่อไปอีก 4 ปี ไม่ใช่รุ่นนะพี่นะครับ แต่เป็นเพื่อนต่างหาก แล้วช่วงกิจกรรมรับน้อง ก็จะเป็นช่วงที่การเรียนการสอนมีน้อยมาก ๆ  ดังนั้นช่วงเวลานี้  จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากครับในการทำความรู้จักเพื่อน ๆ แล้วก็ทำความสนิทสนมกัน 

 

ซึ่งแน่นอนครับว่าการทำความรู้จักเพื่อนใหม่  สำหรับคนขี้อายก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากนิดหนึ่ง แต่ผมบอกเลยครับว่า ถ้าเกิดจะถามว่า เพื่อน  มีความสำคัญกับเราในช่วงชีวิตใดมากที่สุด ผมจะตอบแบบไม่ลังเลเลยครับว่า ช่วงมหาลัยนี่แหละครับ เพราะเราจะต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาทั้งตอนกินแล้วก็นอน ดังนั้นการมีเพื่อน  มันทำให้ชีวิตมหาลัยสนุกขึ้นมาก ๆ เลยครับ 

 

เพราะหลังจากนี้  เมื่อเราเริ่มเข้าสู่วัยทำงานเริ่มสร้างครอบครัว เพื่อนจะมีบทบาทน้อยลงเรื่อย ๆ นะครับ 

 

ดังนั้นก้าวแรกในการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างมีความสุขนั่นก็คือ อย่ากลัวรุ่นพี่ และอย่ากลัวที่จะทำความรู้จักเพื่อนใหม่ 




สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ

จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม  พอดแคสต์

ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บทความ แตะตัวทำให้ชอบกันได้ไหม

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน

บทความ ทำนายชีวิตรัก ด้วยความรักทั้ง 6 รูปแบบ

บทความ งานวิจัยเผย การพูดคุยกับคนแปลกหน้าจะทำให้เรามีความสุข