บทความ ทำให้เขายกโทษให้กับเรา




ทำให้เขายกโทษให้กับเรา

 วันนี้อยากจะมาแชร์เทคนิคทางจิตวิทยานะครับ ในการทำให้คนคนหนึ่ง  ยกโทษให้กับความผิดที่เราได้กระทำลงไปครับ 

 

ซึ่งแนวคิดที่ผมจะหยิบยกมาเล่าให้ฟังในวันนี้นะครับ

เป็นแนวคิดของคุณแดนเออารี นักเขียนชื่อดังครับ 

 

แต่ก่อนที่จะไปฟังกันนะครับ อันนี้ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยครับว่า เทคนิคที่จะเล่าให้ฟังต่อจากนี้นะครับ มันใช้ได้ในหลาย ๆ สถานการณ์ก็จริงครับ 

 

แต่บนโลกใบนี้นะครับ ก็มีเรื่องบางเรื่องครับ ที่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก็คงไม่สามารถยกโทษให้กันได้อีกแล้ว 

เอาเป็นว่าถ้า คุณผู้อ่านไม่ได้ไปฆ่าพ่อฆ่าแม่เขา 

แต่เป็นแค่ความผิด ในระดับที่ยังพอทำใจกันได้

ก็ไม่มีปัญหานะครับ 

 

แต่หากความผิดนั้นเป็นความผิดที่หนักมากจนเกินไป 

ก็บอกเลยครับว่า เทคนิคไหน ๆ ก็คงช่วยไม่ได้เหรอกครับ 

 

อย่างไรก็ตามก็ลองไปฟังกันดูก่อนนะครับ

ว่ามันจะใช้ได้ผลมากน้อยแค่ไหน 

 

ถ้าพร้อมกันแล้วไปฟังกันเลยครับ 

 

ข้อที่ 1 ครับ การกล่าวคำ ขอโทษ 

การกล่าวคำขอโทษ  เป็นของตายอยู่แล้วครับ เมื่อเราทำผิดนะครับ เราก็ต้องขอโทษ 

 

แต่จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ครับ คุณผู้อ่าน คุณแดนบอกว่า

ให้ขอโทษบ่อย ๆ ครับ  ขอโทษไปเรื่อย ๆ  เพราะจากงานวิจัยแล้วนะครับ เข้าพบว่า การที่คนคนหนึ่งกล่าวคำขอโทษบ่อย ๆ นะครับ และถึงแม้ว่า จะเป็นคำขอโทษธรรมดา ที่ไม่ได้มาจากใจก็ตาม 

เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่โกรธเรานะครับ เขาก็จะเริ่มปฏิบัติตัวดีกับเรา และเริ่มโอนอ่อนให้แก่เราครับ 

 

ซึ่งทฤษฎีนี้นะครับ ผมคิดว่ามันน่าจะคล้ายกับนิทานหมาคาบเนื้อ ที่ผมเคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้วนะครับ 

 

ที่ผมเล่าว่า มีสุนัขคาบเนื้อตัวหนึ่งครับ เดินผ่านมา แล้วมีสุนัขตัวหนึ่ง ทักว่า นายคาบก้อนหินมาทำไม 

สุนัขที่คาบเนื้อก็เลยบอกว่า ฉันคาบเนื้อมาต่างหาก

ก่อนที่จะเดินจากไป 

 

หลังจากนั้นสุนัขคาบเนื้อก็เดินไปเจอสุนัขตัวที่ 2 ครับ สุนัขตัวที่ 2 ก็พูดเหมือนเดิมเลยครับว่า นายคาบก้อนหินมาทำไม 

รอบนี้สุนัขคาบเนื้อเริ่มสับสนแล้วนะครับ แต่ก็ยังเชื่อว่าตัวเอง  คาบเนื้อมา 

 

หลังจากนั้นเมื่อเดินไปอีกหน่อยนะครับ 

ก็เจอกับสุนัขตัวที่

สุนัขตัวที่ 3 ก็พูดแบบเดิมเลยครับ นี่นายเดินคาบก้อนหินมาทำไม นายต้องไปหาหมอแล้วนะ  

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นนะครับ สุนัขคาบเนื้อก็คายเนื้อทิ้งน้ำไปในทันทีครับ

 

 เพราะเชื่อว่าตัวเอง  คงจะคาบก้อนหินมาจริง ๆ  

 

ซึ่งผมคิดว่าการขอโทษบ่อย ๆ   ก็น่าจะให้ผลคล้าย ๆ กันครับ  นั่นคือจากที่เขาคิดว่า เราไม่ได้สำนึกผิดอะไร 

แต่เมื่อได้ยินคำขอโทษบ่อย ๆ

เขาจะเริ่มรู้สึกว่า เรา น่าจะรู้สึกผิดจริง ๆ ก็เป็นได้ครับ 

 

และแน่นอนครับ ไม่มีใคร โกรธคนที่สำนึกผิดจริง ๆ ได้นานเหรอกครับ 

 

ต่อไปข้อที่ 2 ครับ ข้อนี้อาจจะยากไปสักหน่อยนะครับ

แต่ก็ลองฟังดูก่อนนะครับ เขาบอกว่า หากอยากให้ใครยกโทษให้แก่เรานะครับ ให้ย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ ๆ เขาเลย 

 

เพราะว่าการที่บ้านเราอยู่ติดกันนะครับ มันจะบังคับให้เรา  จำเป็นที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ 

 

และแน่นอนไม่มีใครอยากจะรู้สึกไม่ดี หรือว่าโกรธคนที่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างแน่นอนครับ 

 

ยิ่งทำงานที่เดียวกัน เรียนห้องเดียวกัน อยู่กลุ่มเดียวกันแล้ว  การโกรธกันนะครับ การไม่ยกโทษ ไม่ให้อภัยกัน

 จะทำให้เกิดความอึดอัด และทรมานเป็นอย่างมากครับ

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า คนส่วนใหญ่เวลาทะเลาะกันนะครับ

ก็จะแยกออกจากกัน จะย้ายกลุ่มครับ จะพยายามไม่เจอกันครับ 

แต่ว่าหากมันทำแบบนั้นไม่ได้ หากมันจำเป็นต้องอยู่ในสังคมเดียวกันไปตลอด จะเป็นอย่างไร 

 

ดังนั้นหากเราสามารถอยู่ในสังคมเดียวกับเขา อยู่ในกลุ่มเดียวกับเขาได้ มันจะเป็นการบังคับให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับเขาครับ แล้วไม่มีใครอยากจะทะเลาะกับคนที่ต้องเจอกันทุกวันอย่างแน่นอน 

 

หลักฐานก็คือ  คุณผู้อ่านสามารถสังเกตจากตัวเองได้เลยครับ เวลา คุณผู้อ่านไปทำงาน   คุณผู้อ่านก็คงจะพยายามหลีกเลี่ยงและไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานถูกไหมครับ 

 

เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่ พรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันอีก ชีวิตก็คงจะไม่มีความสุขอย่างแน่นอน 

 

ดังนั้นหาก คุณผู้อ่านสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเดียวกับเขาได้ มันจะเป็นการบีบให้คนคนนั้น ได้รับรู้ครับว่า เรากับเขาต้องเจอกันไปตลอด  และถ้าโกรธกันอยู่แบบนี้

ชีวิตของเขาเองนั่นแหละ ที่จะไม่มีความสุข 

 

ข้อที่ 3 ข้อสุดท้ายครับ หาก คุณผู้อ่านใช้ 2 วิธีที่ผ่านมาแล้วยังไม่สำเร็จนะครับ ข้อที่ 3 นี่แหละครับ คือไม้ตายที่จะเผด็จศึก ทำให้เขายกโทษให้แก่เรา 

 

นั่นก็คือให้ทำดีกับคนที่เขารักครับ 

 

ยกตัวอย่างเช่น สมมุติเขามีลูกนะครับ  คุณผู้อ่านก็ไปทำดีกับลูกเขาเลยครับ 

อาจจะซื้อของเล่นให้ หรืออาจจะทำให้เขารู้สึกชอบเรา 

 

เมื่อคนที่เขารักชอบเรานะครับ เขาก็จะรู้สึกดี ๆ  

กับเราเพิ่มมากขึ้นครับ แถมในบางกรณี  หากเราเข้าหาลูกเขา ถูกจังหวะนะครับ ลูกของเขา

อาจจะพูดด้านดี ๆ ของเรา ให้กับเขาฟังอีกด้วย 

 

และนั่นก็จะทำให้เขานะครับ รู้สึกให้อภัยเราง่ายขึ้นครับ 

 

แล้วทั้ง 3 วิธีนี้นะครับ คือวิธีที่จะทำให้ใครสักคนหนึ่งให้อภัยในความผิดของเรานะครับ 

 

อย่างไรก็ตามอย่างที่ได้บอกไว้ข้างต้นนะครับ หากความผิดนั้น เป็นความผิดที่ร้ายแรงจนเกินไป ต่อให้ใช้จิตวิทยาไหน ๆ  ก็คงจะลบล้างความผิดนั้นไม่ได้อย่างแน่นอนครับ 




 สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ

จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม  พอดแคสต์

ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

บทความ เทคนิคการจีบสาว ฉบับเจ้าของเพจสายลมแห่งชีวิต

บทความ แตะตัวทำให้ชอบกันได้ไหม

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน

บทความ เทคนิคการจดจำ