บทความ : ทำไมคุณถึงควรช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ทวงบุญคุณ
ภาพหน้าปกจาก pixabay.com |
ทำไมคุณถึงควรช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ทวงบุญคุณ
สมมุติว่าคุณกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง และด้วยความบังเอิญคุณก็ได้เจอเข้ากับ ชายคนหนึ่ง เขาหกล้มบาดเจ็บ คุณรีบวิ่งไปช่วยเขาในทันที ปฐมพยาบาลให้ซะดิบดี เมื่อชายคนนั้นหายเจ็บ เขากล่าวคำขอบคุณสั้น ๆ ก่อนที่จะจากไป และสมมุติว่าวันหนึ่งคุณเกิดหกล้มบาดเจ็บบ้าง ชายคนที่คุณเคยปฐมพยาบาลให้เดินผ่านมาเจอคุณเข้าแต่เขากลับเลือกที่จะไม่ช่วยเหลือ และเดินจากไป คุณจะรู้สึกเช่นไร
คุณคงจะอุทานออกมาว่า “ช่วยเขาไปก็เท่านั้นพอทีเราเจ็บบ้างไม่เห็นเขาจะช่วยเราบ้างเลย”
สิ่งที่ดีงามอย่างหนึ่งของมนุษย์ ที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่จริงนั่นก็คือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามที่ลำบากไม่ว่าจะด้วยทางตรง หรือทางอ้อม จะด้วยคำพูด หรือการกระทำ การช่วยเหลือกันเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง
ถ้าพูดตามหลักพระพุทธศาสนา การให้คือความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นเมื่อเราช่วยใครสักคนหนึ่งให้ผ่านวิกฤต หรือความทุกข์ไปได้ เราก็ควรจะมีความสุขอย่างนั้นไม่ใช่หรือ แต่ทำไมหลายครั้งเราถึงเกิดความทุกข์ และความทรมานใจแทนกันล่ะ
“นั่นก็เพราะว่าเราเกิดหวังผลจากการกระทำยังไงล่ะ”
แทนที่เราจะมีความสุขที่ได้ทำความดีได้ช่วยเหลือเขาให้หลุดพ้นจากความทุกข์ เรากลับต้องทุกข์ซะเอง จากการหวังผลตอบแทนในความดีที่เรากระทำ เราไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่เราช่วยเหลือเขาเป็นคนเช่นไร เขามีความกตัญญูรู้คุณเพียงใด
ดังนั้นหากคุณหวังสิ่งตอบแทนจากการกระทำดี โอกาสที่คุณจะผิดหวังก็จะมี หากคุณไม่หวังเพียงแค่ต้องการจะทำความดี โอกาสที่คุณจะรู้สึกไม่ดีก็จะไม่มีเช่นกัน
การช่วยเหลือเป็นสิ่งดีงามจงช่วยเขาเพราะว่าเราอยากช่วย จงอย่าช่วยเพราะหวังผลตอบแทน อย่าคิดล่วงหน้าว่าหากเราเกิดลำบากบ้างเขาจะช่วยเราหรือเปล่า ช่วยเข้าแล้วก็ให้มันผ่านพ้นไป ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มาก สิ่งที่คุณควรรู้อยู่แก่ใจก็คือ คุณได้ทำความดี คุณได้ทำให้เขาเดือดร้อนน้อยลง ถ้าคุณช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ช่วยเพราะอยากช่วย ช่วยเพราะอยากให้เขาทุกข์น้อยลง คุณจะมีความสุข ความสบายใจ จากการทำดีมากเลยทีเดียว
"เพราะความสุขที่เกิดจากการให้ ต้องเกิดจากการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเท่านั้น"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น