บทสรุปฉบับแฮมแฮม

  ถ้าพูดถึงการจัดบ้านนะครับหรือว่าการทำความสะอาดบ้าน คุณผู้อ่านก็คงจะคิดถึงหนังสือที่ชื่อว่า ชีวิตดีขึ้นทุกด้านด้วยการจัดบ้านเพียงแค่ครั้งเดียวกันใช่ไหมล่ะครับ เป็นหนังสือที่โด่งดังมากครับถึงขนาดที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังกันเลยทีเดียว แต่วันนี้ผมไม่ได้จะมาพูดเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ เหรอกนะครับ   จริง ๆ เทคนิคการจัดบ้านที่เขาแนะนำในหนังสือ   เป็นอะไรที่ดีมากเลยนะครับ แต่ติดอย่างเดียวครับ มันติดตรงที่ประเทศเขา เป็นเมืองหนาวครับ ซึ่งต่างจากบ้านเราที่เป็นเมืองร้อน คือบ้านเขา แค่ทิ้งของที่ไม่ต้องการ ทิ้งของที่ไม่จำเป็น แล้วจัดให้เข้าที่เข้าทางให้เป็นระเบียบ เพียงเท่านี้บ้านก็น่าอยู่แล้วครับ แต่ประเทศไทยเรา  แค่นั้นมันยังไม่พอเลยสิครับ เพราะว่าบ้านเมืองเรามีฝุ่นเยอะเหลือเกิน ถ้าไม่ปัดกวาดเช็ดถู  เรียกได้ว่าไม่มีทางสะอาดได้เลย   หลักฐานก็คือถ้าคุณผู้อ่านตื่นเช้าซะหน่อยนะครับ ก็จะสังเกตเห็นว่าพ่อแม่ของเรา จะต้องตื่นขึ้นมากวาดบ้านทุกเช้าเลย เพราะว่าถ้าไม่กวาดแม้แต่วันเดียวนะครับฝุ่นเต็มพื้นอย่างแน่นอน   จริง ๆ แล้วเทคนิคการทำความสะอาดบ้านแบบไทยเรา ก็มีเหมือนกันนะครับ แล้วส่วนตัวผม  ผมก็คิดว่ามันก็

เมื่อนานมาแล้วครับที่ประเทศอังกฤษ  ได้มีนักศึกษาฟิสิกส์หนุ่มคนหนึ่งครับ ได้ไปนั่งเล่นใต้ต้นแอปเปิ้ล ก่อนที่เขาจะเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ทำไมวัตถุถึงต้องตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ แล้วภายหลังนะครับ เขาก็ได้ค้นพบสิ่งที่เรียกว่า แรงโน้มถ่วงของโลก ชื่อของชายคนนั้นก็คือเซอร์ไอแซกนิวตัน ครับ คุณผู้อ่านคิดเหมือนผมไหมครับว่าคนที่ไปนั่งใต้ต้นแอปเปิ้ล แล้วสงสัยเรื่องเดียวกับนิวตัน  น่าจะเคยมีมาก่อนเยอะแน่ ๆ  แต่น่าเสียดายที่คนเหล่านั้นไม่ใช่นักฟิสิกส์ ก็เลยไม่ได้คิดที่จะหาคำตอบ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร     เมื่อนานมาแล้วครับ ผมเคยไปซื้อของที่ Big C แล้วเกิดตั้งข้อสงสัยขึ้นมาว่าทำไมใบเสร็จรับเงิน หรือสลิป  ถึงมีขนาดที่ใหญ่แบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ผมซื้อของแค่ไม่กี่รายการ เท่านั้นเอง แต่กลับได้สลิปแผ่นใหญ่มาก ซึ่งด้านข้างกับด้านล่างของสลิป  ก็เป็นแค่กระดาษเปล่า เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว พอเราได้มา เราก็เอาไปขยำทิ้งใช่ไหมครับ ผมก็เลยเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเขาต้องทำแผ่นใหญ่ด้วย มันเปลืองกระดาษ   แต่ก็ได้แค่สงสัยละครับ ไม่ได้คิดที่จะหาคำตอบ ภายหลัง ได้มีพนักงานเซเว่นคนหนึ่งครับ เขาเกิดสงสัยแบบเดียวกับผมเลย แล้วเขาก็ไปถา

  คุณผู้อ่านเคยสงสัยกันไหมครับว่าความเหงามันเกิดจากอะไร มันเกิดจากเห็ดใช่ไหม เพราะว่าเห็ดเกิดจากความเหงา หยอกครับหยอก แต่ว่ามันอาจจะไม่ได้ไร้สาระอย่างที่คิดก็ได้นะครับ เพราะว่าเหตุของความเหงาหรือต้นเหตุของความเหงา  มันอาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าที่เราคิดก็ได้   เมื่อวานนี้นะครับ ผมก็ได้นั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของความเหงาทั้งวันเลย ทำให้ผม พบว่าบทความแนว ๆ นี้นะครับ จะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับต้นเหตุของความเหงาสักเท่าไหร่ครับ แต่พวกเขา จะกระโดดไปพูดถึงเรื่องของวิธีการขจัดความเหงาเลย 5 วิธีแก้เหงา 10 วิธีขจัดความเหงา 15 วิธีเอาชนะความเหงา   ซึ่งแต่ละวิธี ก็น่าสนใจมาก ๆ เลยนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเหงานะก็จงไปหาอะไรทำ ไปดูหนังฟังเพลงเล่นเกมหรือออกไปเดินช็อปปิ้งก็ได้   ซึ่งถ้าคุณผู้อ่านคนไหนนะครับ เคยลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูแล้ว   ก็จะพบนะครับว่า มันช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ช่วยได้แค่ครั้งคราว พอสักพัก เราก็จะกลับมาเหงาอีก   มีคำแนะนำหนึ่งน่าสนใจมากครับ เขาบอกว่า ถ้าเราเหงานะ ให้เราลองไปเป็นจิตอาสาดูสิ ซึ่งผมเห็นด้วยนะครับ เพราะนอกจากเราจะมีอะไรให้ทำแล้ว เรายังจะได้ช่วยเหลือผ

  เมื่อประมาณ 2-3 วันก่อนครับ คุณภรรยาของผม   ก็ได้นำหนังสือแจกฟรีนะครับ กลับมาที่บ้านด้วย หนังสือชื่อว่าผ่านทุกข์พบสุขครับ ซึ่งอ่านชื่อหนังสือแล้ว   ผมก็คิดนะครับว่า ต้องเป็นหนังสือพูดเกี่ยวกับเรื่องของความสุขความทุกข์อีกแล้วแน่ ๆ   ซึ่งหนังสือแบบนี้มีอยู่เต็มบ้านแล้วนะครับ ผมก็เลยไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไหร่   หลังจากนั้นไม่นาน   ผมก็ได้เหลือบไปเห็นชื่อผู้เขียนครับ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือพระไพศาลวิสาโลครับ ผมก็เลยเปิดใจ ลองอ่านดูสักนิดหนึ่ง ปรากฏว่าไม่ผิดหวังเลยครับ มันได้อะไรมากกว่าที่เราคิดจริง ๆ     มีประเด็นหนึ่งครับ ที่อยากจะนำมาพูดในวันนี้มาก ๆ เลยครับ นั่นก็คือการอยู่เป็นโสด คือผมพึ่งดูข่าวช่อง 3 มาครับ เขาบอกว่าตอนนี้   ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคของ ผู้สูงอายุอย่างแท้จริงครับ เด็กเกิดใหม่   ปีนี้เป็นปีแรกเลยนะครับ ที่มีไม่ถึง 6 แสน คน ก็คือถ้าปล่อยไว้อย่างนี้นะครับ อนาคตประเทศไทย   จะมีแต่ผู้สูงอายุเต็มไปหมดอย่างแน่นอน ที่เป็นแบบนั้นนะครับ ก็เพราะว่าในยุคปัจจุบัน   คนเริ่มหันมาใช้ชีวิตอยู่เป็นโสดกันมากขึ้น ส่วนคนแต่งงาน ก็ไม่ค่อยกล้าที่จะมีบุตรกันครับ เพราะว่ากังวลเรื่อ

  มีงานวิจัยเชิงจิตวิทยาชิ้นหนึ่งครับที่ผมเคยอ่านเจอในนิตยสารสุขภาพเล่ม 1 เขาบอกประมาณว่า อารมณ์ที่เกิดขึ้นใน 1 วันของเรา อาจจะถูกกำหนดตั้งแต่ตอนที่เราตื่นนอนแล้วก็ได้ การตื่นมาแล้วหงุดหงิด ปวดหัว มีเรื่องไม่สบายใจนะครับ มันจะส่งผลต่ออารมณ์โดยรวมของเราในทั้งวันครับ เรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้เราหงุดหงิดยามเช้าก็เช่นกันครับ มันจะมีอิทธิพลมาก ๆ ครับที่จะทำให้เราอารมณ์ไม่ดีไปทั้งวัน     ดังนั้นการปรับสภาพอารมณ์ให้ไปในทิศทางที่ดีในตอนเช้า   มันจะส่งผลถึงภาพรวมของความสุขในชีวิตเราไปทั้งวันครับ     ถ้าเราไปถามคุณตาคุณยายนะครับว่า เราจะทำยังไงครับ ให้จิตใจเรา ผ่องใส อารมณ์ดีแล้วก็มีความสุขตั้งแต่ตอนตื่นนอน คุณตาคุณยายก็คงจะบอกกับเรานะครับว่าให้เรา เตรียมจัดอาหารแล้วไปตักบาตรครับ เพราะว่าการตักบาตรนะครับมันจะทำให้เรา ได้ถึง 3 อย่างด้วยกันเลยครับ อย่างแรกเลยก็คือเราได้เป็นผู้ให้ครับ อย่างที่สองก็คือเราจะได้บุญ และอย่างที่ 3 ก็คือเราได้คำอวยพรจากพระ   เมื่อ 3 องค์ประกอบนี้รวมกันนะครับ ความสุขยามเช้าก็เป็นเรื่องธรรมดาไปเลย หลักฐานก็คือ หน้าตาของคนเฒ่าคนแก่ที่มักจะตื่นนอนไปตักบาตรยามเช้า พวกเข