บทสรุปฉบับแฮมแฮม

  คุณผู้อ่านรู้จักรถไฟที่ชื่อว่า ยูโรสตาร์รึเปล่าครับ ปัจจุบันมันคือรถไฟความเร็วสูงครับ ที่วิ่งในประเทศ แถบยุโรปตะวันตก   ซึ่งมันก็จะมีเส้นนึงครับ ที่รถไฟ  มันได้วิ่งจากอังกฤษนะครับ ไปที่ฝรั่งเศส แน่นอนล่ะครับ วิ่งข้ามประเทศขนาดนี้ ต่อให้เร็วแค่ไหน  ก็ต้องใช้เวลาครับ     ซึ่งผู้คนที่ได้ไปใช้บริการ นั่งรถไฟขบวนนี้นะครับ   ก็บ่นกันใหญ่เลยครับว่า มันช้าจัง สมัยก่อนนะครับ กว่าจะวิ่งไปถึง  ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว   อันนี้คือวิ่งข้ามประเทศนะครับ 3 ชั่วโมง เขาบ่นกันแล้ว ผมอยากให้เขา ลองมานั่งรถไฟประเทศไทยดูสักครั้งนะครับ ฝรั่งน่าจะตกใจกันน่าดู     ก็นั่นแหละครับ 3 ชั่วโมง  มันเป็นระยะเวลาที่ฝรั่งเขารู้สึกว่า มันนานเกินไป ที่จะต้องอยู่บนรถไฟนะครับ   พอเสียงบ่นเริ่มเยอะเข้า  รัฐบาลของเขาก็ไม่นิ่งเฉยนะครับ ก็รีบไปแก้ไข จัดการกับรถไฟในทันที แน่นอนครับ บอกว่าช้าใช่ไหม   งั้นฉันก็จะทำให้รถไฟเร็วขึ้นให้ดู     ก็ลงทุนกันไป 7 พันล้านยูโร นะครับ ทำให้ได้รถไฟความเร็วสูง ที่เห็นกันในปัจจุบันนั้นล่ะครับ     ทีนี้ประเด็นก็คือ บนเวที Ted Talk  ครับ ได้มีนักโฆษณาคนนึงครับชื่อว่า โลรี่ เซทเทอแลน เ

เผลอแป๊บเดียวนะครับ ก็เลยวันวาเลนไทน์มาแล้ว เดือนมกราคมหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าคุณผู้อ่านคนไหนรู้สึกว่า เวลามันได้ผ่านไปเร็วเหมือนกันกับผมนะครับ   บางทีอาจจะไม่ใช่เวลาหรอกครับ ที่ผ่านไปเร็ว แต่อาจจะเป็นไปได้ว่า เวลาที่ผ่านไปนั้น มันอาจจะไม่มีอะไรที่น่าจดจำ หรือชวนนึกถึงเลยก็ได้ครับ   เพราะถ้าเกิดใครมาถามผมนะครับว่า อาทิตย์ที่แล้วผมทำอะไรไปบ้าง ผมก็คงจะนึกไม่ค่อยออกเหรอกครับ เพราะมันก็ไม่ค่อย มีเรื่องน่าตื่นเต้น หรือมีเหตุการณ์อะไรที่น่าจดจำสักเท่าไหร่   แต่ได้มีศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาท่านนึงครับ ชื่อว่า   แดวคานีแมน เขาบอกว่า จริง ๆ แล้วนะครับมนุษย์เรานั้น มีตัวตนอยู่ 2 มิติครับ   มิติที่ 1 ก็คือ ตัวตนที่รับรู้ประสบการณ์   ซึ่งก็คือตัวเราที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์ต่าง ๆ นั่นเองครับ ตัวตนที่สัมผัสความรู้สึกในเหตุการณ์ที่เราพบเจอในขณะนั้น   ยิ่งความสุขยาวนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ยิ่งทุกสั้นลงเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเช่นกัน   ส่วนมิติที่ 2 ก็คือ ตัวตนที่จดจำเหตุการณ์ ครับ ซึ่งมันจะคอยทำหน้าที่ในการเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วให้กับเราได้ฟังนะครับ หรือก็คือ ความทรงจำของเรา นั่นแหล

  เมื่อเร็ว ๆ นี้นะครับ สำนักข่าว AP ในอเมริกานะครับ ได้รายงานข่าว เกี่ยวกับการศึกษา ฉบับล่าสุดของศูนย์วิจัย Pew Research ครับ   ว่าด้วยเรื่องของ ผลกระทบด้านการเงินและสุขภาพ ของคนโสดและคนมีคู่ครับ   คือเขาบอกว่า ตอนนี้นะครับ ในอเมริกา   เริ่มจะมีจำนวนคนโสดเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วนะครับ   จากที่เมื่อก่อน   จะมีจำนวนคนโสดอยู่ประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นน แต่ตอนนี้   คนโสดเพิ่มขึ้นเป็น 31% เข้าไปแล้วนะครับ     อันนี้ต้องอธิบายให้คุณฟังเข้าใจก่อนนะครับว่า การโสดของฝรั่ง   มันจะมี   2 แบบด้วยกันครับ แบบที่ 1 ก็คือโสดจากการแต่งงาน แล้วก็ หย่าร้างกันไป กับแบบที่ 2 คือโสดโดยไม่เคยผ่านการแต่งงานครับ   ซึ่งการโสดที่เพิ่มมากขึ้น ที่เขาพูดในการศึกษานี้นะครับคือการโสดประเภทที่ 2 ครับ คือโสดแบบไม่แต่งงานนั่นเอง      แล้วก็ดูเหมือนว่า ชายโสด   จะมีมากกว่าสาวโสดซะด้วยนะครับ     จากการศึกษาของ Pew Research นะครับ พบว่าเหตุผลที่ผู้ชายส่วนใหญ่เริ่มมีแนวโน้มที่จะโสดมากขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ มันเป็นเพราะว่า ผู้ชายในอเมริกาส่วนใหญ่ มักจะเป็นคนที่มีรายได้ แล้วก็การศึกษาที่ไม่ค่อย

    คุณยายท่านหนึ่ง กำลังเดินออกมา ณ โต๊ะแถลงข่าว เพื่อที่จะประกาศลาวงการ ออกจากอาชีพนักชิมอาหาร   คุณยายบอกว่า ตอนนี้ฉันแก่มากแล้ว ประสาท สัมผัสในการรับรสชาติก็เริ่มเสื่อมถอย ฉันจึงคิดว่า คงถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะจบบทบาทนักชิมที่ทำมากว่า 50 ปี   นักข่าวจึงยกมือถามคุณยายในทันที คุณยายครับ จริงรึเปล่าครับ ที่เค้าบอกว่า คุณยายได้ชิมอาหารกับเชฟ 5 ดาว ทุกคนบนโลกมาหมดแล้ว   คุณยายยิ้มเบา ๆ ก่อนจะตอบว่า มันคือความภูมิใจเล็ก ๆ ของยายเลยก็ว่าได้ ที่ได้กินอาหารของเชฟเหล่านั้น และใช่ ยายกินมาหมดแล้วจริง ๆ   เมื่อนักข่าวได้ฟังดังนั้น จึงอึ้งกันไปตาม ๆ กัน แต่แล้วนักข่าวหนุ่มคนหนึ่ง ก็ยกมือถามกับคุณยายว่า   คุณยายครับ ถ้าอย่างนั้น บอกได้รึเปล่าครับว่า อาหารที่ทานมาทั้งชีวิต อาหารอะไร ของเชฟคนไหน อร่อยที่สุด   เมื่อสิ้นเสียงคำถาม ผู้จัดการส่วนตัวของคุณยาย ก็เข้ามาห้ามทันที เพราะคำถามนี้ คือคำถามต้องห้าม ห้ามตอบโดยเด็ดขาด   เพราะคุณยายคือนักชิมที่โด่งดังมาก หากคุณยายตอบชื่อใครออกไป จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันที   แต่คุณยายก็บอกกับผู้จัดการว่า ไม่เป็นไรเหรอกจ๊ะ คำตอบของฉันไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน   ทันใดนั้