บทความ l ลงมือทำซะ ก่อนที่สิ่งที่อยากทำจะหมดอายุลง
ภาพปกจาก pexels.com |
สมัยตอนเป็นเด็กมีงานประกวดวาดรูปประจำโรงเรียน ผู้ที่ชนะการแข่งขันไม่ได้รางวัลอะไรเลย แต่พวกเขานั้นจะได้เอารูปของพวกเขาไปแปะในห้องสมุดโรงเรียน เด็ก ๆ ทุกคนต่างรู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นผลงานของตนติดที่ฝาผนังในห้องสมุด
การประกวดรอบแรกนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเพื่อนผมเป็นผู้ชนะ ผมก็งงอยู่ว่าเขาแข่งกันตอนไหน ทำไมผมพึ่งมารู้ข่าวตอนเขาแข่งกันเสร็จแล้ว หลังจากนั้นไม่นานคุณครูบอกว่าจะจัดประกวดขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้จะมีรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ด้วย เวลาว่างเด็ก ๆ ส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการฝึกวาดรูปตามโจทย์ที่ได้รับมา และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
ผมฝึกฝนตลอดเวลาไม่ว่าจะตอนพัก หรือตอนกลับมาที่บ้าน เนื่องจากเป็นคนที่ชอบวาดรูปอยู่แล้วด้วย การฝึกวาดรูปจึงเป็นสิ่งที่สนุกเอามาก ๆ แต่ไม่ว่าจะฝึกวาดมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะรูปภาพของเพื่อนที่เคยได้ที่ 1 ในการแข่งครั้งที่แล้วได้เลย เมื่อผมนำภาพของตัวเองมาเปรียบเทียบกับภาพของเพื่อนที่เคยได้ที่ 1 มันต่างกันฟ้ากับเหว นี่สินะความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับคนที่มีพรสวรรค์
ในที่สุดก็ถึงวันส่งผลงานให้กับคุณครู แล้วเดี๋ยวคุณครูจะตัดสินเองว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ในเช้าของวันจันทร์ทุกคนต่างวิ่งมาที่ห้องสมุดเพื่อดูว่ามีรูปภาพของตัวเองอยู่บนผนังบ้างหรือเปล่า ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจกันใหญ่ ยกเว้นอยู่คนนึงก็คือผม เพราะผมเลือกที่จะไม่ส่งรูปของผมเข้าประกวด ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าฝีมือผมแค่นี้ผมก็คงไม่ได้ที่ 1 แน่นอนถ้าเช่นนั้นประกวดไปก็แพ้แล้วจะส่งไปทำไม
เมื่อเข้าไปในห้องสมุดเราพบเห็นภาพของคนที่ได้ที่ 1 ถึงที่ 3 โดดเด่นอยู่กลางห้องสมุด ในขณะที่รูปภาพของทุกคนที่ส่งประกวดก็ได้แปะไว้ ตามฝาผนังของห้องสมุดเช่นกัน ผมรีบวิ่งไปถามคุณครูว่าทำไมถึงเอารูปของทุกคนมาแปะ คุณครูบอกว่าเพราะทุกคนตั้งใจที่จะวาดรูปออกมาอย่างมากก็เลยแปะให้เป็นรางวัล 1 เทอม
ผมรู้สึกเสียดายมากที่ไม่ยอมส่งผลงานเข้ารับการประกวด ทำให้ห้องสมุดไม่มีรูปภาพฝีมือของผมเลยแม้แต่รูปเดียว ผมพยายามรอการประกวดครั้งต่อไป เทอมแล้วเทอมเล่า แต่ดูเหมือนคุณครูไม่มีความคิดที่จะจัดการแข่งนี้ขึ้นมาอีกเลย
"ลงมือทำซะ...ก่อนสิ่งที่เราอยากจะทำมันจะหมดอายุไป"
หลายครั้งที่เราผลัดวันประกันพรุ่ง และไม่ยอมที่จะลงมือทำบางอย่างที่เราอยากทำ เพราะคิดว่าเราจะทำมันเมื่อไหร่ก็ได้ รุ่นพี่ผมมีความฝันอยากจะเป็นนักบาสมหาลัย แต่เขานั้นเลือกที่จะรอ แล้วสุดท้ายเขาก็เรียนจบไปโดยที่ไม่ได้ลงแข่งขันแม้แต่แมทเดียว
วันหนึ่งที่ผมได้พบกับรุ่นพี่คนนั้น และได้ถามเขาถึงเรื่องที่เขาเสียใจที่สุดในชีวิต เขากลับตอบว่า สิ่งที่เขาเสียใจที่สุดในชีวิตก็คือ เขาไม่ยอมเข้าชมรมบาสจนในที่สุดก็หมดสิทธิ์ลงแข่ง
ผมบอกเขาไปว่าไม่เห็นต้องคิดมากเลย ถึงจะไม่ได้แข่งกีฬามหาลัย แต่เราก็ยังสามารถแข่งที่อื่นก็ได้นี่ รุ่นพี่ตอบว่า ตอนนี้เขามีลูกสองคนแล้วนะ เขาแก่เกินกว่าที่จะเล่นบาสแล้ว ข้อเข่าก็ไม่ดีคงเล่นกีฬาหนัก ๆ แบบนั้นไม่ไหว ตอนนี้ความฝันนั้นของเขามันหมดอายุไปแล้ว
"ความฝันมันหมดอายุได้ด้วยนะ" ประโยคนี้เป็นประโยคที่ทำให้ผมขนลุกมากเพราะมันจริงที่สุด บางสิ่งบางอย่างที่เราอยากที่จะทำ แต่เรากลับเลือกที่จะรอ และปล่อยให้เวลาผ่านพ้นไป เมื่อมองย้อนกลับไปเราอาจจะคิดได้ว่า ถ้าเราไม่ทำตอนนั้น เราอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งนั้นอีกแล้วก็ได้
เมื่อมองย้อนกลับไปเราทุกคนจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เราไม่ยอมลงมือทำในตอนที่ยังมีโอกาส หลังจากผมฟังรุ่นพี่พูดจนจบ และกลับมาถึงบ้าน ผมก็สังเกตเห็นว่าในตู้เย็นของผม มีหมูอยู่ 2 แพ็ค ที่ผมซื้อมาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีเวลากินมันสักที จนตอนนี้มันหมดอายุไปเสียแล้ว ทุกอย่างมีอายุขัยถ้าเราไม่ลงมือทำ สักวันอาจจะเป็นวันที่สาย
จงลงมือทำสิ่งที่อยากทำในตอนที่ยังมีโอกาส ดีกว่าต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ไม่ยอมลงมือทำไป ในตอนที่ควรทำ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น