บทความ ความทุกข์ที่แสนสุข

 

ภาพหน้าปกจาก unsplash.com

สมัยเรียนนั้นผมไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษเอาซะเลย ทุกครั้งเมื่อถึงคาบเรียนภาษาอังกฤษผมจะรู้สึกทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก ทุกครั้งผมจะภาวนาไม่ให้อาจารย์ถามคำถามใด ๆ หรือเรียกให้ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือหน้าห้อง ช่วงเวลาที่เป็นทุกข์ที่เกิดจากการไม่เปิดใจที่จะเรียนรู้ ผ่านไปวันแล้ววันเล่า 


แล้ววันหนึ่ง ขณะที่กำลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษอยู่นั้น ผมก็เกิดหันไปมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่หน้าห้อง ทำให้ผมพบความจริงที่ว่า คาบเรียนนี้กำลังจะหมดเวลาในอีก 12 นาทีเท่านั้น แล้วทันใดนั้น เพื่อนผมก็ทักผมขึ้นมาว่า กำลังมีความสุขอะไรเหรอ ทำไมดูร่าเริงจัง


ผมจึงบอกไปว่าเพราะว่าคาบเรียนนี้กำลังจะจบในอีก 12 นาทียังไงล่ะ หลังจากที่เพื่อนผมรู้ พวกเขาก็ต่างตั้งตารอ และดูจะมีความสุขไม่ต่างจากผมเลย ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผม และเพื่อนในตอนนั้นเราอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่ที่จริงแล้ว ความรู้สึกนั้นก็คือความหวังที่เกิดจากการที่รู้ว่า ความทุกข์กำลังจะผ่านไป 


เมื่อหลายปีก่อน จากการใช้ชีวิตโดยประมาทไม่มีระเบียบวินัยทำให้น้ำหนักขึ้นไปมากโขเลยทีเดียว มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องลดน้ำหนักกันอย่างจริงจัง ผมใช้เวลาวันแล้ววันเล่าไปกับการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร ทุกเช้าผมจะชั่งน้ำหนักดูผลลัพธ์ที่ได้ ดูเหมือนสิ่งที่ผมทำมันจะไปได้ดีเลยทีเดียว น้ำหนักลดลงอาทิตย์ละ 3 กิโลเลย 


แต่คืนนั้นระหว่างที่ผมกำลังนอนอยู่ก็ได้เกิดความรู้สึกหิวขึ้นมา แต่ไม่ต้องห่วงมันเป็นความรู้สึกคุ้นเคยที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในช่วงที่ลดน้ำหนัก แต่ความหิวในคืนนั้นรุนแรงมากจนทำให้นอนไม่หลับ ระหว่างที่นอนไม่หลับอยู่นั้น ผู้อ่านหลายท่านคงคิดว่าผมคงจะทุกข์ทรมานจากความหิวมากเลยล่ะสิ แต่แท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย 


ก็จริงอยู่ที่ความรู้สึกตอนหิวมันไม่ใช่ความรู้สึกที่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่นักหรอก แต่ขณะที่ผมนอนอยู่นั้นผมก็เกิดนึกถึงตัวเองตอนที่ชั่งน้ำหนักในวันพรุ่งนี้แล้วพบว่าน้ำหนักลงอีกแล้ว ความคาดหวังในทางที่ดีต่ออนาคตมันทำให้ปัจจุบันของผมเกิดความสุขขึ้นอย่างง่ายดาย 


ผมก็รู้ตัวว่าตอนนี้ผมกำลังหิวแล้วก็ไม่ได้มีความสุขจากความหิวเลย แต่ผมกลับมีความสุขจากการคิดถึง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหากผมทนความหิวในคืนนี้ไปได้ 


ทั้งสองเหตุการณ์ที่ผมกำลังเล่าให้ฟังอยู่นี้ ผมกำลังจะบอกว่า จริง ๆ แล้วเราสามารถมีความสุข และความทุกข์ในเวลาเดียวกันได้ด้วยนะ ในกรณีแรก คือการมองเห็นว่าความทุกข์กำลังจะผ่านไป นั่นก็คือชั่วโมงเรียนใกล้จะหมดลง ในกรณีที่สองเรารู้ว่า ผลลัพธ์จากการกระทำมันส่งผลดีกับเราอย่างไร ถึงแม้การกระทำของเราอาจจะทำให้เราทุกข์ทรมานแต่ถ้าเรารู้ผลลัพธ์ว่ามันจะออกมาดีแน่ ๆ เราจะมีความสุข และเต็มใจที่ได้ทุกข์ทรมาน 


ยกตัวอย่างง่าย ๆ สมมุติคุณอ่านหนังสือสอบด้วยความเครียด แต่คุณรู้ว่าการตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบจะส่งผลให้คุณสอบผ่านและได้คะแนนที่ดี คุณก็จะมีความสุขถึงแม้คุณจะยังทุกข์จากการต้องอ่านหนังสือก็ตาม


 แต่ในทางกลับกัน หากคุณตั้งใจอ่านหนังสือสอบ แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าคะแนนเก็บน้อยจนเกินไป ถึงทำข้อสอบได้มากแค่ไหนก็สอบตกอยู่ดี เท่ากับคุณมองเห็นผลลัพธ์ของการกระทำที่ไม่ได้ไปในทิศทางบวก ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณก็จะไม่สามารถมีความสุขในขณะที่มีความทุกข์ได้นั่นเอง 


จากที่พูดมาทั้งหมดคุณผู้อ่านลองคิดตามผมดูสิครับ ว่ามันจะดีแค่ไหนหากเราสามารถมีความสุขในขณะเดียวกันกับตอนที่เรามีความทุกข์ได้ การนึกถึงผลลัพธ์ที่จะส่งผลดีต่อตัวเรา การนึกถึงความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการกระทำของเรา มันจะส่งผลให้เรามีพลังที่จะก้าวข้ามผ่านความทุกข์ยากไปได้ 


เพียงแต่ว่า สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้น มันก็ควรที่จะเป็นสิ่งที่สร้างแนวโน้มที่ดีให้กับผลลัพธ์ของการกระทำของคุณด้วย ถ้าในตอนนี้คุณผู้อ่านกำลังรู้สึกว่าไม่มีความสุขจากสิ่งที่ทำอยู่ละก็ ลองจินตนาการถึงแนวโน้มของปลายทางของสิ่งที่ทำให้คุณเกิดความทุกข์ดูสิครับ 


เพราะถ้าสิ่งนั้นมันมีแนวโน้มที่ทำให้คุณมีความสุขในตอนท้าย เชื่อว่ามันจะเพิ่มพลังให้กับคุณอย่างมากมหาศาล และคุณจะมีความสุขในขณะที่คุณกำลังมีความทุกข์อยู่ได้เลยทีเดียว แต่ถ้าหากผลเป็นไปในทางตรงกันข้าม นั่นคือ ปลายทางของความทุกข์นี้ไม่ได้มอบความสุขให้กับคุณเลย ก็โปรดจงรู้ไว้ว่าคุณกำลังเดินมาผิดทางแล้วนั่นเอง 



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บทความ แตะตัวทำให้ชอบกันได้ไหม

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน

บทความ ทำนายชีวิตรัก ด้วยความรักทั้ง 6 รูปแบบ

บทความ เทคนิคการจีบสาว ฉบับเจ้าของเพจสายลมแห่งชีวิต