บทความ เปรียบเทียบยังไงให้มีความสุข

 

ภาพหน้าปกจาก unsplash.com

ถ้าใครติดตามบล็อกผมอยู่ละก็คงจะคุ้นเคยกับบทความที่ชื่อว่า ปัสสาวะแห่งความสุข กับ ความทุกข์ที่แสนสุข อยู่บ้านอย่างแน่นอน ก็แน่ล่ะมันเป็นบทความที่สร้างชื่อให้กับบล็อกของผมเลยนี่นา มียอดวิวเป็นพันเลยด้วย(ก็แอบดีใจอยู่นะ)

ก็ไม่ได้อยากจะเกทับบทความของตัวเองหรอกนะครับ แต่บทความทั้ง 2 บทความนั้นสู้บทความที่คุณผู้อ่านกำลังจะอ่านต่อจากนี้ไม่ได้เลยสักนิด 

ปัสสาวะแห่งความสุข คือเราต้องสร้างเงื่อนไขขึ้นมา ก็คือเราต้องผ่านความทุกข์เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปก่อนเพื่อที่จะทำให้เรื่องธรรมดากลายเป็นเรื่องที่ทำให้เรามีความสุขได้ ซึ่งผมก็ยอมรับว่ามันสุดยอดมาก 

แต่ความทุกข์ที่แสนสุขนั้นยิ่งเหนือชั้นเข้าไปอีก เพราะเราสามารถมีความสุขขณะที่เรามีความทุกข์ได้เลยทีเดียว หลายคนอ่านบทความนี้เข้าไปก็คงคิดว่ามันคงสุดยอดที่สุดแล้ว ถ้าเราสามารถมีความสุขขณะที่เรามีความทุกข์ได้ ความทุกข์ก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป 

แต่สิ่งที่ผมกำลังจะเขียนในบทความนี้ มันเหนือชั้นขึ้นไปอีกนะสิครับ เพราะวิธีที่จะบอกต่อจากนี้มันสามารถทำให้เรามีความสุขได้ในทันที ไม่ต้องสร้างเงื่อนไขหรือความทุกข์ใด ๆ ขึ้นมา ไม่ต้องมีการคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่ดีล่วงหน้า แต่เรานึกอยากมีความสุขขึ้นมาปุ๊บเราก็สามารถมีความสุขได้ทันที 

จุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้มันเริ่มขึ้นในวันธรรมดาวันหนึ่งที่ผมเกิดรู้สึกว่าชีวิตของผมนั้นแสนน่าเบื่อเหลือเกิน ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาเลย แน่นอนตามประสามนุษย์เดินดิน การนำชีวิตอันจืดชืดของตัวเองไปเปรียบเทียบกับชีวิตของคนอื่นย่อมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ 

แล้วผลลัพธ์ที่ออกมาก็อย่างที่ทุกคนคาดไว้ นั่นคือยิ่งเปรียบเทียบก็ยิ่งทำให้เราเป็นทุกข์กว่าเก่าซะอีก 

ซึ่งในตอนนั้นมันก็ปิ๊งขึ้นมาในหัวว่า การนำชีวิตเราไปเปรียบเทียบกับคนที่เขาดีกว่ามันส่งผลในทางลบกับความรู้สึกของเราเป็นอย่างมากเลยนะ ถ้าอย่างนั้นหากเราทำกลับกันล่ะ คือการนำชีวิตเราไปเปรียบเทียบกับคนที่ด้อยกว่า มันจะเป็นเช่นไร 

ผลลัพธ์ออกมาว่ามันทำให้เรารู้สึกดีจริง ๆ ด้วย แต่ความรู้สึกดีที่เกิดจากการนำชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนที่เขาด้อยกว่า มันเป็นความรู้สึกดีในระยะสั้นเท่านั้น 

เพราะไม่ว่าชีวิตของใครจะดี หรือจะแย่กว่าเรา สุดท้ายแล้วชีวิตของคนเหล่านั้นกับชีวิตเรามันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กันเลย แม้แต่น้อย ดังนั้นการนำชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดเลยสักนิด 

แต่ถึงอย่างนั้นการเปรียบเทียบก็ไม่ได้เป็นนิสัยของมนุษย์แต่มันเป็นสัญชาตญาณ มนุษย์เราจะเปรียบเทียบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เพราะหากเราไม่เปรียบเทียบเราจะไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย 

ทุกวันนี้ที่เรารู้ว่าไข่นกกระทาเล็กกว่าไข่ไก่ได้ก็เพราะว่าเราเปรียบเทียบยังไงล่ะ จะเห็นได้ว่าการเปรียบเทียบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด เมื่อผมรู้เช่นนั้นก็เกิดเป็นคำถามในใจของผมขึ้นมาว่า แล้วเราจะเปรียบเทียบอย่างไรดีล่ะ ถึงจะเกิดประโยชน์ต่อตัวเรามากที่สุด 

แล้ววันหนึ่งผมก็ได้คำตอบ การเปรียบเทียบที่ดีที่สุดไม่ใช่การเปรียบเทียบตัวเรากับผู้อื่น แต่เป็นการเปรียบเทียบตัวเรา กับตัวเราเองต่างหาก 

ถ้าเราดีกว่าตัวเราในเมื่อวานได้ก็เท่ากับเราเอาชนะใจตัวเองได้ แถมยังมีคนเคยบอกไว้ว่าถ้าเราชนะใจตัวเองได้เราก็ไม่ต้องแข่งกับใครอีกแล้ว 

การเปรียบเทียบกับตัวเองจะทำให้เกิดการพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอนไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม แต่เรื่องการพัฒนาตัวเองเอาไว้เขียนในบทความถัดไปก็แล้วกัน เพราะบทความนี้ผมอยากจะให้เราเปรียบเทียบแล้วเกิดความสุขต่างหาก

ผมเกิดนึกถึงช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานมาก ๆ ในช่วงวัยรุ่นของผมขึ้นมาได้ เป็นช่วงที่ผมป่วยหนักและอกหักในเวลาเดียวกัน ช่วงนั้นสภาพจิตใจย่ำแย่เป็นอย่างมากสภาพร่างกายก็เช่นกัน แถมดูเหมือนในเวลานั้นชีวิตผมจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่างเดียวด้วย 

ก็ง่าย ๆ เลยครับ ผมก็แค่นำช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในอดีตของผมมาเปรียบเทียบกับชีวิตของผมในปัจจุบัน ผลลัพธ์ก็ออกมาว่าชีวิตในปัจจุบันนั้นดีกว่าเยอะมากเลย เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถรู้สึกดี ๆ กับตัวเราในปัจจุบันได้แล้ว 

และในขณะเดียวกัน หากในปัจจุบันเรากำลังพบเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบสุด ๆ ชนิดที่ว่าไม่มีอดีตในช่วงเวลาใดของเราที่จะเลวร้ายสู้ปัจจุบันของเราได้เลยสักนิด ถ้าเป็นแบบนั้นก็โปรดจงจำไว้ว่าหากคุณผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ คุณก็จะสามารถมีความสุขกับชีวิตได้อย่างง่ายมากขึ้นเลยทีเดียว 

ทำยังไงนั่นเหรอครับ คุณก็แค่นำตัวคุณในปัจจุบันมาเปรียบเทียบกับตัวคุณตอนกำลังเผชิญกับช่วงที่เลวร้ายที่สุดยังไงล่ะ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถที่จะมีความสุขเมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการแล้วล่ะครับ 

(ไว้โอกาสหน้าผมจะหาวิธีการสร้างความสุข ที่เหนือชั้น กว่าวิธีนี้มาฝากอีกนะครับ ฝากกดติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ )