บทความ ประสบการณ์การทำสวนผลไม้ของคนขับแท็กซี่
เช้าวันนี้ไม่รู้เรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย เมื่อแท็กซี่ที่ผมขึ้นไปนั่ง เขาชวนคุยไม่หยุดเลย ความสงบของผมพังทลายไปในพริบตา เมื่อพี่แท็กซี่เขาพูดไม่หยุด เหมือนเก็บกดอะไรมา
เนื้อหาการสนทนามีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งเรื่องสังคม วัฒนธรรม แฉลบออกการเมืองเล็กน้อย แล้ววนกลับมาเรื่องของการปลูกผลไม้ และเรื่องผลไม้เป็นเรื่องที่เราพูดคุยกันนานที่สุดในบรรดาเรื่องทั้งหมด
คร่าว ๆ ก็ประมาณว่า จริง ๆ พี่เขาเพิ่งจะมาขับแท็กซี่ได้ไม่นาน แต่ก่อนหน้านั้นเขาเป็นชาวสวน ปลูกมาหมดทุกอย่างในจักรวาลนี้แล้ว(เพราะว่าถามอะไรก็ตอบได้หมด มีความรู้ไปซะทุกเรื่อง) สิ่งที่ผมได้รับรู้จากการนั่งฟังที่เขาพูดไม่หยุดนั่นก็คือ พี่แท็กซี่รักการทำสวนเป็นอย่างมาก เขาพูดไปยิ้มไป และความรู้ที่เขามีก็ใช่ย่อยเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นมือโปรของวงการการทำสวนเลยก็ว่าได้
แน่นอนผมก็สงสัยเหมือนกับคุณผู้อ่านนั่นแหละครับ ถ้ารักการทำสวนผลไม้ซะขนาดนั้น แล้วจะมาขับแท็กซี่ทำไม
พี่เขาบอกว่าครอบครัวเขามีปัญหาทางการเงิน พี่น้องเขาก็เลยต้องแบ่งมรดกกันโดยการขายที่ของพ่อแม่ไปจนหมด ทำให้เขาต้องเข้ามาในกรุงเทพฯเพื่อมาเป็นคนขับแท็กซี่
เรื่องนี้น่าสนใจมากเลยนะครับ คนบางคนกำลังตามหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักที ในขณะที่คนบางคนรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองชอบและอยากทำอะไร แต่กลับไม่ได้ทำอย่างที่อยากทำ
พี่แท็กซี่คนนี้เขารู้ว่าเขารักการเป็นชาวสวน เขามีความสุขจากการได้อยู่ในสวน แล้วผมเชื่อว่าความรู้ในการทำสวนของเขา ต้องไม่แพ้คนที่จบปริญญามาจากเมืองนอกเมืองนาอย่างแน่นอน เผลอ ๆ เป็นอาจารย์สอนการเกษตรได้เลยด้วยซ้ำ เพราะผมพิสูจน์มาแล้วว่า พี่เขารู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับการทำสวนจริง ๆ
เขารักการทำสวน แล้วพ่อแม่ก็มีสวนผลไม้ให้กับเขา แต่โชคชะตากลับเล่นตลกทำให้เขาไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เขาอยากใช้ นี่คือเรื่องจริงของชีวิตผู้ชายคนนึงที่มีความฝันแต่ไม่ได้ทำตามความฝัน
ผมถามพี่แท็กซี่ไปว่า ถ้าพี่ขับแท็กซี่แล้วได้เงินมาสักก้อนนึง พี่คงจะไปซื้อที่ดินเพื่อกลับไปทำสวนสินะ พี่เขามองตรงไปด้านหน้า(แหงสิขับรถอยู่) ก่อนที่จะทำสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดออกมาว่า “ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว”
ที่พี่เขาพูดแบบนั้นก็เพราะว่า ตอนนี้เขาเลือกเส้นทางของการเป็นคนขับแท็กซี่แล้ว ถึงแม้เขาจะรักการทำสวนผลไม้มากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเส้นทางชีวิตเป็นคนขับแท็กซี่แล้ว และเขามุ่งมั่นที่จะเป็นคนขับแท็กซี่ที่เก่งให้ได้ รู้ไหมครับว่าทำไม พี่แท็กซี่เขาบอกว่าเพราะเขาเป็นคนเลือกที่จะเป็นคนขับแท็กซี่ด้วยตัวเขาเองยังไงล่ะ ดังนั้นเมื่อเขาเลือกแล้วก็ไม่ควรที่จะโลเลกับเส้นทางที่เลือก เขาจึงไม่คิดที่จะถอยหลังกลับไปอีก
โชคชะตาอาจจะเล่นตลกทำให้เราไม่สามารถเลือกทำในสิ่งที่เราอยากทำได้ พี่แท็กซี่อย่าทำสวนผลไม้แต่ไม่ได้ทำ ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่เขาไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างไรต่อจากนี้ และที่เขาได้มาเป็นคนขับแท็กซี่(ช่างจ้อ)ในตอนนี้ ก็เป็นเพราะว่าตัวเขานั้นได้เลือกเส้นทางนี้ ด้วยตัวของเขาเอง
พี่แท็กซี่สอนให้ผมรู้ว่า คนเรามีโอกาสในชีวิตไม่เท่ากัน แต่มีสิทธิ์เลือกที่จะใช้ชีวิตเท่า ๆ กัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น