บทความ คาถาลับ ขจัด ปัดเป่า คนหวังผลประโยชน์ออกไปจากชีวิตเรา
สิ่งที่จะบอกเล่าในบทความนี้ คือเคล็ดลับสุดยอดที่ไม่เคยบอกใคร ที่ไหนมาก่อน แล้ววันนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมจะปลดปล่อยมันออกไป ให้สำหรับคนที่โชคดี แวะผ่านมาเจอบทความนี้
สิ่งที่จะบอกให้ฟังในบทความนี้ คือคาถาที่มีความขลังและสามารถใช้ได้ผลจริงถึง 99% และผมได้ทดลองทำมันด้วยตัวเองแล้วด้วย
ขอเพียงแค่คุณท่องคาถานี้ ทุกครั้งเมื่อเจอคนที่หวังจะมาแสวงหาผลประโยชน์จากคุณ คุณก็จะแคล้วคลาดจากคนพวกนั้น คาถานี้จะทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกร้อน และอดทนอยู่ใกล้คุณนานไม่ได้ จนต้องลุก และวิ่งหนีไปในที่สุด
ก่อนที่จะบอกถึงคาถาสุดวิเศษนี้ ผมขอท้าวความสักนิดนึงก่อน เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน ผมได้ดูซิทคอมยอดฮิตเรื่องเป็นต่อ จะมีฉากนึงที่เป็นฉากคลาสสิคมาก ๆ ในซิทคอม นั่นก็คือฉากที่พี่ยมคิดแผนชั่ว และจะหลอกเอาเงินคนในออฟฟิศ
และคราวซวยในตอนนี้ ก็ตกอยู่กับไอ้วอก พี่ยมยืนคิดแผนชั่วอยู่นานสองนาน ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาไอ้วอก เพื่อคิดจะหลอกให้ไอ้วอกเลี้ยงเหล้า แต่เมื่อเดินเข้าไปยังไม่ทันจะพูดอะไรสักคำ ไอ้วอกก็พูดออกมาด้วยเสียงสูงก่อนเลยว่า …...ไม่มีตังหร๊ออกกกก!!
หลังจากนั้นพี่ยมก็เลยถอดใจที่จะใช้แผนชั่วกับไอ้วอกและกลายเป็นว่าพี่ยมต้องกลายเป็นฝ่ายเลี้ยงเหล้าไอ้วอกแทน เพราะมันไม่มีตังค์
ฉากเล็ก ๆ สั้น ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นฉากตลก ๆ ธรรมดาทั่วไป ถ้าไม่คิดอะไรก็อาจจะดูเพลิน ๆ ไปแค่นั้น แต่ในวินาทีนั้น มันสมองของผมสลัดคำพูดนั้นของไอ้วอก ออกไปจากหัวไม่ได้เลย
แล้วเมื่อตกเย็นวันนั้น คนที่ไม่คาดฝันก็โทรมาหาผม มีผู้ชายคนหนึ่งหลอกจะมาขายประกันผม โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทประกันที่ผมทำอยู่ และประกันของผมใกล้จะหมดอายุแล้ว ทางบริษัทจำเป็นต้องนัดเจอเพื่ออธิบายถึง สิทธิประโยชน์ ที่ผมควรรู้
ผมพยายามปฏิเสธ และบอกว่า ถ้ามีข้อมูลอะไรให้ส่งผ่านมาทางอีเมลเลย เดี๋ยวผมจะเปิดอ่านเอง แต่แน่นอนว่าทักษะการพูดอันยอดเยี่ยมของเขา และการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธที่จะต้องเจอเขาได้
สุดท้ายเรานัดเจอกันที่ล็อบบี้ใต้คอนโด หลังจากเขาอธิบายอะไรบางอย่างให้ผมฟังสักพัก เขาก็สารภาพออกมาว่า จริง ๆ แล้วเขาซื้อเบอร์โทรศัพท์ผมมาจากวงใน เพื่อจะมาอธิบายถึงประกันชุดใหม่ที่เขากำลังขายอยู่
ระหว่างที่เขากำลังหยิบแฟ้มหนาออกมาจากกระเป๋าของเขา ถึง 4 แฟ้มด้วยกัน ผมก็คิดในใจทันทีว่า ผมต้องนั่งฟังอีกนานสักแค่ไหนกัน
แน่นอนข้อที่ 1 เขาหลอกผม เขาไม่ใช่ตัวแทนประกันของผม ข้อที่ 2 ผมต้องมานั่งฟังเขาพูดถึงสิ่งที่ผมไม่เข้าใจและไม่สนใจเลยสักนิด นี่ผมกำลังเสียเวลาให้กับอะไรกัน
และทันใดนั้นผมก็คิดถึงคำพูดของไอ้พวกขึ้นมา..ไม่มีตังหร๊ออกกกก!!
ผมจึงหาจังหวะที่เหมาะสม และพูดกับผู้ชายคนนั้นไปว่า
“ขอโทษนะครับพี่ ที่พี่อธิบายมามันก็น่าสนใจดีนะครับ แต่ผมก็อยากจะบอกพี่ตรง ๆ เพื่อที่ว่า พี่จะได้ไม่เสียเวลากับผมมากนัก คือตอนนี้ผมไม่มีเงินเลยครับ ไม่มีมาสักพักนึงแล้วด้วย ผมก็เลยไม่รู้ว่าผมจะลงทุนอะไรได้”
หลังจากที่คนขายประกันฟังผมพูดจบ เนื่องจากผมแทรกตอนที่เขากำลังพูด เขาจึงพยักหน้ารับรู้ และอธิบายสิ่งที่อยู่ในแฟ้มต่อไป พอมาถึงจุดนี้ผมจึงคิดว่า สิ่งที่ผมพูดออกไปมันคงไม่ได้ผลอะไรสินะ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าผมไม่มีเงิน ผมก็ยังคงต้องนั่งฟังเขาพูดเป็นชั่วโมงแน่ ๆ เลย
แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เขาอธิบายต่ออีกเพียงแค่ไม่กี่นาที แล้วหลังจากนั้น เขาก็ปิดแฟ้มลง พร้อมกับส่งโบชัวร์เอกสารบางอย่างให้กับผม ก่อนที่จะหยิบแฟ้มที่ตั้งเรียงกัน 4 แฟ้มเก็บเข้ากระเป๋าแล้วบอกผมว่า ลองเอาไปศึกษาดูนะครับ ถ้าสนใจตรงไหนก็สามารถโทรมาหาผมได้เลย
นั่นทำให้ผมรู้ว่า สิ่งที่ผมพูดออกไปมันไม่ได้ไร้ความหมายซะทีเดียว ถึงปากเขาจะพูดต่อ แต่ในหัวของเขาก็กำลังคิดอยู่ว่า จะทำยังไงกับผมดี จะอธิบายต่อไปให้กับคนที่ไม่มีเงินฟังไปเพื่ออะไร
หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ ผมเริ่มมีความมั่นใจเกี่ยวกับคาถานี้เพิ่มมากขึ้น แล้วผมก็ได้ใช้มันอีกหลายต่อหลายครั้ง นับจากวันนั้น เมื่อเจอเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เจอกันนาน เมื่อเขาทักทายแล้วถามผมว่า สบายดีไหม ผมก็จะร่ายคาถานี้ในช่วงวินาทีนั้นเสมอ ผมจะบอกกับพวกเขาว่า ก็สบายดีนะ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีตังค์เลยว่ะ
ประโยคนั้นมันเป็นประโยคที่มีความขลังเป็นอย่างมาก เพราะหลายต่อหลายครั้ง ที่เพื่อนผมนัดเจอผมเพื่อที่จะยืมเงิน แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากขอยืมออกมา เพราะผมได้ร่ายมนต์ ในช่วงตอนที่ทักทายกันไปก่อนแล้ว
ถ้าเพื่อนบางคนยังดื้อดึงและพูดขอยืมออกมา ผมก็สามารถหยิบคาถาของผมขึ้นมาเป็นเหตุผลป้องกันตัวผมได้ นั่นคือ ขอโทษด้วยนะ แต่บอกแล้วไงว่าตอนนี้ก็เดือดร้อนอยู่เหมือนกัน คงให้ยืมไม่ได้หรอก
คาถานี้เป็นคาถาสุดวิเศษที่สามารถป้องกันคนที่คิดจะเข้ามาหวังผลประโยชน์จากเราได้ถึง 99% อย่างที่ผมได้กล่าวไปข้างต้น เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเรา ในหัวเขากำลังคิดอย่างไรกับเราอยู่
คาถานี้จึงเป็นคาถาที่สามารถแบ่งแยกคนที่หวังผลประโยชน์ออกจากชีวิตเราได้ชะงัดนัก แล้วผมมีวิธีคัดแยกคนเหล่านี้ได้ถึง 3 รูปแบบด้วยกัน
เมื่อคู่สนทนาของเราได้ยินคาถานี้เข้าไป
รูปแบบที่ 1 เขาจะพูดคุยกับเราแค่แป๊บเดียว ก่อนที่จะขอตัวลา
คนรูปแบบที่ 1 คิดได้ 2 อย่างครับ อย่างที่หนึ่งก็คือ เขากำลังเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์จากเรา แล้วเมื่อเขารู้ว่าเราไม่มีเงินเลย เขาก็ไม่สามารถที่จะใช้แผนการใด ๆ กับเราได้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะยืนคุยกับเราต่อไปให้เสียเวลา
ส่วนอย่างที่สอง เมื่อเขารู้ว่าเราไม่มีเงิน เขาก็กลัวว่าเราจะมาขอยืมเขา เขาจึงรีบชิ่งหนีก่อนเลยดีกว่า
รูปแบบที่ 2 เขาจะยืนพูดคุยกับเราต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ค้นรูปแบบที่ 2 นี้ คือเขาไม่ได้คิดที่จะเข้ามาหาผลประโยชน์อะไรจากเรา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่คิดที่จะช่วยเหลืออะไรเราเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะว่าเขาก็เอาตัวไม่รอดอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อพูดคุยกันต่อ เขาจะเปลี่ยนเรื่อง และไม่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ใช้เงินโดยเด็ดขาด
รูปแบบที่ 3 แสดงความเป็นห่วงเป็นใย และเสนอความช่วยเหลือ
คนประเภทที่ 3 นี้หายากมากครับ คนที่เมื่อรู้ว่าเราไม่มีเงินรู้ว่าเราลำบาก แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า ยืมเงินก่อนไหม หรือต้องการเท่าไหร่บอกได้นะ พวกเขาแสดงความเป็นห่วงเป็นใย และเสนอความช่วยเหลือให้กับเราในทันที เมื่อรู้ว่าเรากำลังลำบาก
ซึ่งคนประเภทนี้คิดได้สองแง่ด้วยกัน อย่างแรกเขาอาจจะเป็นคนที่ร่ำรวยมาก ๆ ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง เขาจึงสามารถช่วยเหลือเราได้อย่างสบาย ๆ
อย่างที่สองก็คือ เขาเป็นคนที่จริงใจ และรักเราจริง ๆ
อย่างไรก็ตามผมไม่อยากให้ตัดสินว่าคนทั้ง 3 ประเภท ประเภทไหนเป็นคนดี หรือประเภทไหนเป็นคนไม่ดีนะครับ การที่เขาไม่ช่วยเหลือเรา ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคนไม่ดี เขาแค่อาจจะไม่มีเหมือนกับเราก็ได้
แต่ไม่ว่ายังไงคาถาที่ผมได้พูดไปมันก็สามารถสะท้อนคนที่คิดจะเข้ามาหาผลประโยชน์จากเราได้อย่างแน่นอน
เอาล่ะครับ ก็หวังว่าบทความในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น