บทความ นิทานกระต่ายกับเต่าฉบับแฮม แฮม
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยฟังนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่ากันมาบ้างใช่ไหมครับ ตอนเด็กเนี่ย ผมรู้สึกคาใจมากครับ ที่นิทานมันจบลงดื้อ ๆ แบบนั้น หลังจากที่เต่าเดินเข้าเส้นชัยแล้วเป็นผู้ชนะ ก็จบเลย
ซึ่งผมก็คิดนะครับว่า ถ้านิทานมันมีต่ออีกสักหน่อยนึงเนี่ย ผลลัพธ์มันจะออกมาไม่สวยหรูแบบนี้อย่างแน่นอน
เพราะถ้าแข่งกันอีกรอบนึงเนี่ย กระต่ายไม่มีทางที่จะนอนกลางวันอีกอย่างแน่นอน
แล้วเต่าก็จะไม่มีทางชนะกระต่ายได้อีกแล้ว
แล้ววันหนึ่งนะครับก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งหยิบนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่ามาเล่าให้กับพวกนักศึกษาในห้องฟังครับ
แต่เป็นกระต่ายกับเต่าในเวอร์ชั่นของ บริหารธุรกิจ mba ซึ่งผมฟังแล้ว ผมก็ชอบมาก ๆ มันทำให้ผมรู้สึกว่านิทานสั้น ๆ เรื่องหนึ่ง ที่ให้ข้อคิดเล็ก ๆ มันสามารถต่อยอดแล้วยังเล่าเรื่องต่อได้
เมื่อประมาณกลางปี 2020 ที่ผ่านมา ผมก็เลยได้คิดนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า เวอร์ชั่นของตัวผมขึ้นมาใหม่บ้างเหมือนกัน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีการแข่งขันวิ่งแข่งเกิดขึ้นระหว่างกระต่ายและเต่า
ซึ่งการแข่งขันนี้ ทุกคนก็รู้กันอยู่แก่ใจ ว่ากระต่ายต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน
ในขณะที่เต่าเดินต้วมเตี้ยมแบบนี้ จะไปชนะได้ยังไง
แต่เต่าก็ยังคงยืนยันที่จะลงแข่ง
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ก็ตามคาดเลยครับ กระต่ายก็วิ่งแซงหน้าเต่าไปแบบไม่เห็นฝุ่นเลย พริบตาเดียวก็วิ่งมาถึงเส้นชัยแล้ว แต่กระต่ายก็เกิดประมาท รู้สึกเหมือนกับว่า อีกนิดเดียวก็จะเข้าเส้นชัยอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องรีบเลย เต่ายังอยู่ที่จุดสตาร์ทอยู่เลย นอนกลางวันก่อนดีกว่า กระต่ายก็เลยเผลอหลับไปครับ
ตื่นมาอีกครั้งหนึ่งก็พบว่า เต่ากำลังจะเดินถึงเส้นชัยแล้ว กระต่ายก็รีบวิ่งสุดกำลังเลยครับ แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน เต่าจึงเป็นผู้ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ไป
หลังจากการแข่งขันจบลง กระต่ายก็ไม่ยอมครับ บอกว่าเขาไม่ได้แพ้เต่า แต่เขาแพ้ตัวเองต่างหาก ถ้าแน่จริงเรามาแข่งกันอีกรอบเอาไหม
เต่าผู้ที่ไม่ดูตัวเอง และไม่เคยประมาณตน ก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย แข่งกันรอบนี้ กระต่ายก็วิ่งรวดเดียวเข้าเส้นชัยไปเลยครับ
เต๋าก็เลยเป็นผู้แพ้ไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้เกิดขึ้น เต่าก็รู้แล้วว่า
มีเพียงแค่ความอดทน และพยายามเพียงอย่างเดียวเนี่ย เอาชนะคนที่มีพรสวรรค์ หรือมีความสามารถไม่ได้ เต่าก็เลยไปเรียนมหาลัยครับ (การ์ตูนครับการ์ตูน อย่าซีเรียสนะครับฟังขำๆ)
หลังจากเต่าเรียนจบ เต่าก็เดินไปท้ากระต่ายแข่งวิ่งอีกรอบครับ
กระต่ายบอกได้เลยเพราะว่ายังไงก็ชนะอยู่แล้ว
เต่าบอกว่า รอบนี้ขอเป็นคนกำหนดเส้นทางวิ่งเองได้หรือเปล่า
กระต่ายก็ตอบตกลง เพราะว่าไม่ว่าจะให้วิ่งเส้นทางไหน กระต่ายก็วิ่งเร็วกว่าอยู่ดี
เต่าเลือกเส้นผ่านป่าใหญ่ครับ ใครออกจากป่าไปได้ก่อนคนนั้นจะเป็นผู้ชนะ
เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น กระต่ายก็วิ่งแซงหน้าเตาไปเหมือนกับทุกครั้งครับ
แต่เมื่อวิ่งไปถึงกลางป่า กระต่ายก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะว่ามีแม่น้ำใหญ่ ตัดผ่านกลางป่า กระต่ายผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยไม่สามารถที่จะผ่านไปได้ ในขณะที่เต่าที่เดินต้วมเตี้ยมก็เดินมาช้า ๆ แล้วก็ว่ายน้ำไปอย่างช้า ๆ แล้วก็เดินอย่างช้า ๆ เพื่อเข้าเส้นชัยไปในที่สุด
ดูเหมือนตอนนี้เต่าจะรู้แล้วครับว่า
แต่ละคนมีความสามารถ และความถนัดที่แตกต่างกันออกไป
กระต่ายถนัดวิ่ง ในขณะที่เต่าเนี่ย ถนัดว่ายน้ำมากกว่า
ถ้าเราใช้ความสามารถของเราให้เป็นประโยชน์เราก็จะสามารถชนะการแข่งขันได้ไม่ยากนัก
เมื่อกระต่ายแพ้ กระต่ายก็ได้ไปลงเรียนวิชาเดียวกับที่เต่าเคยเรียน
หลังจากนั้น 1 ปีต่อมา กระต่ายก็มาท้าเต่าแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้สนามเดิมครับ
ก็คือวิ่งผ่านป่าให้ได้ ใครวิ่งผ่านก่อนก็ชนะ
รอบนี้กระต่ายวิ่งนำไปจนถึงแม่น้ำครับ เมื่อไปถึงปุ๊บเนี่ย กระต่ายก็ได้เริ่มที่จะสร้างแพขึ้นมา เพื่อที่จะทำให้ตัวมัน ข้ามแม่น้ำไปได้
กระต่ายก็เลยชนะการแข่งขันครั้งนี้ไปในที่สุดครับ
ตอนนี้กระต่ายได้เรียนรู้แล้วนะครับว่า ถึงแม้สิ่งที่เราต้องทำเนี่ย จะเป็นสิ่งที่เราไม่ถนัดหรือทำไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้าเรามีปัญญา หรือความรู้ที่มากพอ เราก็จะสามารถคิดค้นวิธีการที่จะทำให้เราสามารถทำสิ่งนั้นได้เหมือนกับคนอื่น
เช่นต่อให้กระต่ายว่ายน้ำไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะข้ามแม้น้ำไปด้วยวิธีอื่นไม่ได้
ตอนนี้ผลการแข่งขันออกมาว่า กระต่ายชนะ 2 แพ้ 2 เต่าก็เช่นกัน ทั้งสองตัว ตัดสินใจว่าการแข่งขันคราวหน้าจะเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้าย
อยากจะตัดสินให้รู้กันสักทีว่าใครกันแน่ที่เก่งกว่ากัน
เต่าใช้เวลาคิดนานสองนาน ก่อนที่จะบอกกติกาของการแข่งขันครั้งสุดท้ายให้กับกระต่ายได้ฟัง
รอบนี้เต่าเลือกสนามกรีฑาทั่วไปเลยครับ
กระต่ายบอกว่า ถ้าให้วิ่งบนสนามนี้ยังไงกระต่ายก็เป็นฝ่ายชนะอย่างง่ายดาย เต่าบอกว่ากติกาของการแข่งขันครั้งนี้ไม่มีเวลาจำกัด ใครวิ่งในระยะทางที่มากกว่า
คนนั้นก็จะเป็นผู้ชนะไป
ถึงกระต่ายจะยังงง ๆ กับกติกาการแข่งขันนะครับว่าเต่าจะได้เปรียบตรงไหน
แต่ก็ตอบตกลงไปอยู่ดี
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นครับกระต่ายใช้เวลา
1 วันวิ่งไปได้ 100 รอบสนามเลยทีเดียว ในขณะที่เต่าเพิ่งจะวิ่งได้เพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น
กระต่ายมานั่งพัก แล้วก็คุยกับเต่าว่าพอเถอะยังไงฉันก็ชนะแล้วแหละ เต่าบอกว่าอย่าลืมกติกาสิ ไม่มีเวลากำหนดนะ ถ้าฉันยังไม่เลิกวิ่ง ฉันก็ยังไม่แพ้ ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของฉันยังคงวิ่งอยู่ ฉันก็ยังไม่แพ้
กระต่ายได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่าการแข่งขันครั้งนี้มันช่างไร้ประโยชน์เอามาก ๆ จึงเดินจากไป
ไปใช้ชีวิต แต่งงาน มีครอบครัว
พอแก่ตัวกระต่ายก็กลับมาที่สนามอีกครั้งหนึ่งแล้วพบว่าเต่ายังคงเดินอยู่
กระต่ายจึงถามต่อไปว่าตอนนี้เดินได้กี่รอบแล้วล่ะ เต่าบอกว่า ตอนนี้ฉันเดินได้ 1000 รอบแล้ว
กระต่ายบอกทำไมต้องทำถึงขนาดนี้
เต่าบอกว่าอายุไขของฉัน มีหลายร้อยหลายพันปี
ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำมันไม่ได้เสียเวลาอะไรมากนักหรอก
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเลยนะครับ ถ้าเราลองมองตั้งแต่เริ่มต้นนิทาน เราจะพบว่า คนที่เลือกสนามและคิดกติกามักจะเลือกเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบอีกฝ่ายอยู่เสมอ
อย่างเช่นรอบสุดท้าย ดูเผิน ๆ เหมือนกับว่าเต่าจะเลือกสนามให้กระต่ายได้เปรียบ
แต่แท้ที่จริงแล้ว เต่ามีความได้เปรียบด้านของอายุไข และเมื่อบวกกับกติกาแล้ว เต๋าจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบแทน
เมื่อกระต่ายได้ยินดังนั้น จึงร้องไห้ออกมา
ด้วยความเจ็บใจ เพราะตอนนี้ตนเองแก่มากแล้ว และคงไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะวิ่งอีกแล้ว
เต่าคงจะเป็นผู้ชนะการแข่งขันในครั้งนี้อย่างแน่นอน
ก่อนที่กระต่ายจะสิ้นใจก็ได้เล่าเรื่องการแข่งขันนี้ให้กับหลานสาวฟัง แล้วก็พูดเป็นประโยคสุดท้ายว่า
ฉันเป็นผู้แพ้
เมื่อเต่ารู้ถึงการตายของกระต่าย ก็คิดที่จะเลิกวิ่งสักที แต่หลานสาวของกระต่ายก็ได้เดินมาหาเต่า แล้วถามว่า
การแข่งขันครั้งนี้ กติกามันมีอยู่ว่า ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของกระต่ายยังคงวิ่งอยู่ก็ยังถือว่าไม่แพ้ใช่ไหม
เต่าตอบว่าใช่แล้ว หลานสาวของกระต่ายจึงลงมาบนลู่วิ่ง และวิ่งแทนทันที เต่าบอกทำแบบนี้ไม่ได้นะเพราะเธอไม่ใช่กระต่าย
หลานสาวบอกว่า ฉันคือ DNA ของเขา ส่วนหนึ่งของเขา ยังคงอยู่ในร่างกายของฉัน
ดังนั้นฉันสามารถวิ่งแทนเขาได้
เมื่อเต่ารู้เช่นนั้นก็ทำให้เกิดคิดได้ว่า เวลาที่ผ่านมาที่เขามุ่งที่จะชนะการแข่งขันอยู่นั้น กระต่ายได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และได้มีลูกมีหลานสืบสกุล ในขณะที่ตัวเขานั้น เอาแต่เดินต้วมเตี้ยมอยู่ในลู่วิ่งอยู่อย่างนี้
ไม่มีสังคม ไม่มีครอบครัว ไม่มีอะไรเลย แล้วแบบนี้ชนะไปจะมีความหมายอะไรล่ะ
ตอนนี้ดูเหมือนเต่าจะรู้แล้วว่า ชัยชนะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง เต่าจึงพูดกับหลานสาวของกระต่ายว่า ฉันแพ้แล้วก่อนที่จะเดินจากไป
หลานสาวของกระต่ายวิ่งแทนกระต่ายจนครบ
1000 รอบ อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเขาก็จะทำให้ปู่ของเขาชนะเต่าได้แล้ว
แต่เธอก็เลือกที่จะปล่อยให้การแข่งขันครั้งนี้ ผลลัพธ์ออกมาเสมอกัน
ที่เธอทำเช่นนี้ก็เพราะว่า
ทั้งกระต่ายและเต่า ต่างเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้แพ้ ดังนั้นการแข่งขันครั้งนี้ จึงไม่ควรมีผู้ชนะ
สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ
จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม พอดแคสต์
ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น