บทความ นิทาน คนตัดต้นไม้

 


วันนี้ผมก็มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังอีกแล้วนะครับ 

มันเป็นเรื่องของคนตัดไม้ครับ ที่บังเอิญเดินหลงเข้าไปในป่าลึก แล้วก็ไปเจอกับบ้านหลังเล็ก ๆ หลังนึง ซึ่งข้าง ๆ บ้านเนี่ย ก็มีต้นไม้ ต้นใหญ่ ต้นหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่

สักพักนึงก็มีคนแคระเดินออกมาจากบ้านครับ คนตัดไม้ก็เลยถามว่า ต้นไม้นี้เป็นของคนแคระหรือเปล่า คนแคระก็บอกว่า ไม่ใช่หรอก มันมีก่อนที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่ซะอีก 

แล้วคนแคระก็เล่าให้ฟังว่า ต้นไม้ต้นนี้ มันเป็นต้นไม้วิเศษ ถ้าใครสามารถตัดมันลงได้ ก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ๆ แล้วก็จะมีเงินทองไหลมาเทมา อีกด้วย พูดง่าย ๆ คือ ถ้าทำสำเร็จก็อยู่สบาย ๆ ไปทั้งชีวิตเลย

เมื่อคนตัดไม้ได้ยินดังนั้น แน่นอนเขาไม่รีรอที่จะตัดมันลงให้จงได้

แต่ต้นไม้ต้นนี้ มันก็มีความพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ตรงที่มันสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ 

คนตัดไม้จึงต้องตัดให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะทำให้ต้นไม้ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ทัน แต่หลังจากที่คนตัดไม้ ตัดต้นไม้ขาดไปได้ แค่ 10% ด้ามจับขวานของเขาก็หัก 

ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะว่า ขวานของคนตัดไม้เนี่ย ก็ค่อนข้างเก่ามากแล้ว คนตัดไม้ใช้ขวานด้ามนี้ ตัดต้นไม้มาเป็น 10 ปีแล้วก็ว่าได้

เมื่อไม่มีขวาก็ตัดต้นไม้ไม่ได้ คนตัดไม้ก็เลยกลับบ้านไป รุ่งเช้ามาเขาก็เลยเข้าไปในเมือง ไปซื้อขวานด้ามใหม่มา ลงทุนซื้อขวานที่ราคาแพงที่สุด

 แล้ววันถัดมา เขาก็เข้าไปในป่าอีกครั้งหนึ่ง แต่เขากลับพบว่า ต้นไม้ได้ซ่อมแซมตัวเองกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว สิ่งที่เขาทุ่มเทไปเมื่อวันก่อนมันช่างไร้ค่ามาก ๆ  

 แต่ไม่เป็นไร วันนี้แหละ เขาจะทำให้สำเร็จให้ได้เลย คนตัดไม้ก็เลยใช้เวลาวันนี้ทั้งวัน ตัดต้นไม้ด้วยความขยันขันแข็ง เขาตัดด้วยความเร็ว และก็ไม่ยอมหยุดพัก เพื่อที่จะทำให้ต้นไม้ ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ทัน

 เมื่อตกเย็น คนตัดไม้ก็ตัดต้นไม้ ไปได้ถึง 50% เลยทีเดียว แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย เพราะการที่เขาฝืนตัดต้นไม้ มากจนเกินไป

มันทำให้มือของเขาระบมไปหมด เขาจึงตัดต้นไม้ต่อไม่ไหวอีกแล้ว ต้องพักฟื้นเป็นเวลาหลายอาทิตย์ ต้นไม้ ก็กลับมาฟื้นฟูจนเป็นปกติเหมือนเดิมอีกครั้ง ความพยายามของคนตัดไม้สูญเปล่าอีกแล้ว 

คนตัดไม้หมดกำลังใจ ก็เลยเดินจากไปในที่สุด 

หลังจากนั้น 5 ปี คนตัดไม้ได้กลับมาหาคนแคระอีกครั้งหนึ่ง แล้วพบว่า ต้นไม้ถูกโค่นลงไปเสียแล้ว คนตัดไม้จึงรีบถามกับคนแคระในทันใด ใครเป็นคนทำสำเร็จกัน 

 คนแคระจึงค่อย ๆ เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่คนตัดไม้กลับไปแล้ว ก็ได้มีชาวนาผ่านทางมาเหมือนกัน แน่นอนว่าชาวนาก็อยากจะตัดต้นไม้ต้นนี้ลงให้ได้ ก็เลยสร้างกระท่อมเล็ก ๆ เพื่ออยู่ตัดต้นไม้ที่นี่ 

 แต่ชาวนาไม่มีขวาน เขามีแค่เคียวเกี่ยวข้าวแล้วก็จอบขุดดินเท่านั้น แต่ชาวนาก็ยังคงไม่ละความพยายาม ที่จะโค่นต้นไม้ต้นนี้ลงให้จงได้ เขาใช้เวลา 2 ปีเต็ม ๆ ในการตัดต้นไม้ 

 แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ต้นไม้ก็แทบจะไม่มีรอยขีดข่วนเลย เพราะต้นไม้มันสามารถฟื้นฟูตัวเองได้เร็วกว่า 

 เมื่อ 2 ปี ผ่านไป ชาวนาก็หมดความอดทน ก็เลยทิ้งอุปกรณ์ไว้แล้วเดินจากไป

 แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีนักเขียนผ่านทางมา ซึ่งนักเขียน ก็ไม่มีขวานเหมือนกัน เขามีเพียงแค่ดินสอแล้วก็คัตเตอร์เท่านั้น นักเขียนใช้เวลา 3 ปีเต็ม แล้วในที่สุด เขาก็ทำสำเร็จ ต้นไม้ถูกโค่นลงแล้ว

คนตัดไม้ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ ใช้คัตเตอร์ตัดต้นไม้ต้นนี้เนี่ยนะ 

คนแคระบอก ไม่ใช่แบบนั้นหรอก นักเขียน เขาใช้คัตเตอร์ตัดเถาวัลย์ เพื่อนำมาซ่อมแซมขวานเก่า โดยใช้ด้ามจับจากจอบขุดดินของชาวนามารวมกับขวานเก่าของคนตัดไม้ที่เคยทำหักแล้วทิ้งไว้

 คนตัดไม้ก็ถามว่า เขาทำสำเร็จได้ยังไง ต้นไม้มันไม่ฟื้นฟูตัวเองเหรอ 

แน่นอนว่าต้นไม้มันฟื้นฟูตัวเอง แต่นักเขียน ได้มีการจัดตารางเวลาอย่างเหมาะสมในการตัดไม้ในทุกวัน พูดง่าย ๆ คือถ้าใน 1 ชั่วโมงต้นไม้สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ 10% ใน 1 ชั่วโมงนักเขียนจะต้องตัดให้ได้ 11 เปอร์เซ็นต์ 

 

ซึ่งการทำแบบนี้ ถึงมันอาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาสำเร็จจนได้ เขาใช้เวลา 3 ปีเต็มในการโค่นต้นไม้ต้นนี้ลง 

 หลังจากนั้น คนแคระก็มอบเงินจำนวนมหาศาลให้แก่เขา พร้อมทั้งป่าวประกาศให้คนมากมายได้รับรู้ว่าเขาคือคนที่ตัดต้นไม้ประหลาดลงได้ 

 นักเขียนจึงกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงและเงินทองมากมายในเวลาต่อมา 

 

เรื่องเล่าเรื่องนี้ หลายคนอาจจะงง ๆ แล้วก็ตีความไม่ออกใช่ไหมครับ ว่าเขาจะสื่ออะไรกันแน่ 

 จริง ๆ เขาจะสื่อความหมายต่าง ๆ ผ่านตัวละครทั้ง 3 ครับ 

 คนตัดไม้ มีความสามารถในการตัดต้นไม้ให้ขาดมากกว่าทุกคน เพราะเขาใช้เวลาแค่วันเดียวก็ตัดได้ตั้งครึ่งต้น 

ในขณะที่คนอื่น ต้องใช้เวลาตั้งหลายปี ถ้าเขาใจเย็นลงอีกสักนิด พยายามขึ้นอีกสักหน่อย เขาก็น่าจะเป็นคนที่ทำสำเร็จก่อนใคร ๆ เพราะเครื่องมือก็พร้อมมากกว่าคนอื่น ทักษะหรือประสบการณ์ก็มีมากกว่าใคร น่าเสียดายครับ ที่เขาขาดความพยายามและการวางแผนที่ดี 

 คนตัดไม้ก็เปรียบเสมือนคนที่ลงมือสร้างผลงาน แล้วทำออกมาได้ดีกว่าใคร ๆ แต่เขากลับทำได้ไม่นานแล้วก็เลิกไป เพราะขาดวินัย และการวางแผนการจัดการ 

ส่วนชาวนา มีแต่ความพยายามแล้วก็ความอดทนครับ ก็คือ การที่เขาใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมในการตัดต้นไม้ ตัดมาเป็นปีเนี่ย เขาก็น่าจะเห็นแล้วครับว่า สิ่งที่เขาทำมาโดยตลอด มันไม่ได้คืบหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังคงหลับหูหลับตา แล้วก็ทำสิ่งนั้นต่อไป โดยไม่ยอมลุกขึ้นมาตรวจสอบเลยครับว่า เขาควรเปลี่ยนวิธีทำหรือเปล่า 

 ชาวนาก็เปรียบเสมือนคนที่สร้างผลงาน จำนวนมากครับ เน้นปริมาณ สร้าง สร้าง แล้วก็สร้าง โดยไม่เคยเงยหน้าขึ้นมามองความเป็นจริงเลยครับว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่เนี่ย มาถูกทางหรือเปล่า 

ผลงานที่สร้างขึ้นมามากมายเนี่ย ถ้ามันดีจริง ทำไมถึงยังไม่มีใครสนใจกันละ ทำไมถึงเหนื่อยกว่าคนอื่นแต่กลับได้ผลลัพธ์ที่น้อยกว่าคนอื่น สุดท้ายชาวนาก็เลยเหนื่อย แล้วก็ เลิกทำไปในที่สุดครับ ซึ่งนอกจากเขาจะทำไม่สำเร็จแล้ว เขายังเสียเวลามากกว่าคนอื่นหลายเท่าเลยครับ

 คนสุดท้ายคือนักเขียนครับ เขาคือคนที่วางแผนสิ่งที่จะทำ และลงมือทำอย่างมีวินัยครับ ทำอย่างต่อเนื่อง เพราะว่า ถ้าเขาขี้เกียจตัดต้นไม้แม้แต่นาทีเดียว ต้นไม้ก็จะฟื้นฟู แล้วสิ่งที่เขาพยายามมาก็จะสูญเปล่า เขาจึงต้องมีวินัยเป็นอย่างมาก ในการทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ 

 นักเขียนก็เปรียบเสมือนคนที่สร้างผลงานอย่างสม่ำเสมอ และมีวินัยในการทำ วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว แน่นอนว่าเขามีทั้งความพยายามและความอดทน และในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะตรวจสอบผลลัพธ์ของการกระทำอยู่เสมออีกด้วย 


สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ

จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม  พอดแคสต์

ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บทความ แตะตัวทำให้ชอบกันได้ไหม

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน

บทความ ทำนายชีวิตรัก ด้วยความรักทั้ง 6 รูปแบบ

บทความ เทคนิคการจีบสาว ฉบับเจ้าของเพจสายลมแห่งชีวิต