บทความ เหตุผลที่ไม่ควรเก็บของกินไว้ในบ้าน

 

คุณผู้อ่านหลายท่าน ดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้กันมาก ๆ เลยนะครับ แต่ว่าเท่าที่ผมอ่านคอมเม้นดูแล้วนะครับ ปัญหาของคนส่วนใหญ่  ก็คือพอเวลาหิวขึ้นมา  มันจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ครับ แล้วก็มักที่จะหาอะไรกินอยู่เสมอ 

จริง ๆ ปัญหานี้เป็นปัญหาที่คลาสสิคมาก ๆ เลยนะครับ เพราะว่าคนส่วนใหญ่  ก็ตกม้าตายกับคำว่าตบะแตก กันอยู่บ่อย ๆ

 

ผมได้อ่านหนังสือเล่นหนึ่งครับ ของคุณแดน อารีอารี โดยหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ได้รวบรวมคำถามที่แฟน ๆ ได้เขียนจดหมายมาถามคำถามกับเขานะครับ ซึ่งมันมีคำถามหนึ่งครับที่เกี่ยวกับเรื่องของการลดน้ำหนัก  เนื้อหาก็ประมาณว่าหญิงสาวคนหนึ่ง เขาอยากลดน้ำหนักแต่เขาลดไม่ได้ตะบะแตกก่อนตลอดเลย 

 

คุณแดนก็เลยตอบแบบติดตลกไปนิดหนึ่งครับ ว่าวิธีการที่จะไม่อ้วน

ก็คือ ไม่ต้องซื้ออะไรมาไว้ในตู้เย็นครับ 

 

คือพอเราตบะแตกขึ้นมา  เราก็มักจะมองหาทางเลือกที่จะทำให้เราหายหิวใช่ไหมครับ แต่ถ้าในเวลานั้นในตู้เย็นของเราว่างเปล่า เราก็จะไม่สามารถที่จะกินอะไรได้นั่นเอง 

 

คือมันจะเป็นหลักจิตวิทยาที่ยาวมากครับ แต่ผมจะขอพูดแบบสรุปย่อ ๆ ให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ  ในแบบของผมเลยก็แล้วกันนะครับ 

 

ก็ประมาณว่า ร่างกายของเรา มันจะมีช่วงที่เหนื่อยล้าใช่ไหมครับ ถ้าเราเคลื่อนไหวร่างกายมาก ๆ ต้องลุกนั่งต้องเดินทั้งวันร่างกายของเราก็จะอ่อนล้าลงเรื่อย ๆ  ลองจินตนาการถึงตอนที่วิ่งบนลู่วิ่งดูสิครับ ตอนวิ่ง10 นาทีแรก มันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก แต่พอวิ่งไปซักชั่วโมง 2 ชั่วโมงเราจะรู้สึกว่าร่างกายเริ่มจะไม่ไหว เราก็อยากจะนั่งพัก

 

ถ้าในหนึ่งวันเราใช้ร่างกายอย่างหนักตั้งแต่เช้านะครับ เมื่อตกเย็น เราก็จะหมดเรี่ยวหมดแรง เพราะร่างกายมันอ่อนแอลงใช่ไหมครับ 

 

ซึ่งงานวิจัยของคุณแดน เขาค้นพบว่า จริง ๆ แล้ว ความอดทนทางด้านจิตใจของมนุษย์เรา  ก็สามารถเหนื่อยล้าได้ไม่ต่างกับร่างกายเลยนะครับ และในช่วงที่มันหมดพลัง คนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะทำตามใจตัวเองครับ สำหรับคนลดน้ำหนัก  ก็คือการตะบะแตกนั่นเอง 

 

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตื่นมาตอนเช้า เราอดทนที่จะไม่กินอาหาร เราก็ยังทนได้ครับ แต่ถ้าเราทนไปเรื่อย ๆ  จนไปถึงตอนค่ำ เราจะรู้สึกว่าเราจะเริ่มต้านทานความต้องการในการกินของเราได้น้อยลงเรื่อย ๆ  

 

ซึ่งความเหนื่อยล้าในทีนี้ไม่ใด้มีสาเหตุจากความหิวเท่านั้นนะครับ 

การที่เราต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างมาตลอดทั้งวัน ความเครียดจากงาน ความกดดันจากคน หรือการต้องเผชิญรถติดตอนไปทำงาน มีเรื่องกังวลใจ รวมทั้งความเหนื่อยล้าทางร่างกาย ทั้งหมดที่ว่ามา  มันเป็นปัจจัยที่ทำให้พลังใจของเรา ค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ ครับ แล้วยิ่งมีอะไรที่ขัดใจเรา ทำให้เราไม่สบายใจ หรือเราเกิดทะเลาะกับใครขึ้นมา พลังใจก็จะลดลงเร็วกว่าปกติอย่างมากเลยทีเดียว 

 

ทุกอย่างมันสะสมมาตลอดทั้งวันครับ จนทำให้พลังใจของเรา  จากที่เต็มหลอดเลยครับ ก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ จนหมดในตอนเย็น

 

  ซึ่งถ้าความอดทนของเราหมดไปกับเรื่องต่าง ๆ เหล่านั้นนะครับ มันจะทำให้ตอนเย็น  คนส่วนใหญ่จะหมดความอดทนครับแล้วก็หันมาทำตามใจตัวเอง 

 

 นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนส่วนใหญ่จึงมักจะตะบะแตกในช่วงตอนเย็นไปถึงช่วงหัวค่ำนั่นเองครับ อดทนมาได้ทั้งวันแต่พอตกค่ำต้มมาม่ากินเฉยเลย 

 

ซึ่งคุณแดนเขารู้เรื่องนี้ดีครับ เขาจึงบอกไปว่า อย่าเก็บของกินไว้ในบ้าน เพราะถ้าพลังใจมันเหือดแห้งไปแล้ว  ก็จะไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งเรา ให้หยิบอาหารเข้าปากได้อีกต่อไป แต่วิธีการเดียวที่จะทำให้เราไม่สามารถหยิบอาหารเข้าปากได้  นั่นก็คือการที่เราไม่มีอาหารให้หยิบยังไงล่ะครับ 

 

ซึ่งวิธีนี้นะครับ ผมขอยืนยันอีกคนนะครับว่ามันใช้ได้ผลมาก ๆ เลยครับ เพราะว่ามีอยู่คืนหนึ่งที่ผม หิวมาก ๆ เลย แล้วก็เดินไปหาอะไรในตู้เย็นกิน ทั้ง ๆ ที่พูดกับตัวเองไว้ซะดิบดีว่าจะลดน้ำหนักแล้ว แต่เมื่อพบว่าในตู้เย็นมันไม่มีอะไรกินนะครับ ทางเลือกที่ 2 ของผมก็คือต้องแต่งตัวนะครับแล้วก็ออกไปเซเว่น ซึ่งกว่าจะแต่งตัวกว่าจะขับรถไปซื้อ กว่าจะขับกลับมา มันเสียเวลานอนมากครับ ผมก็เลยตัดสินใจยอมกลับไปนอนแต่โดยดี 

 

ดังนั้นข้อสรุปของเทคนิคนี้ก็คือ จงตัดทางเลือกที่จะทำให้เราตบะแตกออกไปให้หมดครับ โดยการอย่าเก็บของกินไว้ในบ้าน นั่นเอง


จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม  พอดแคสต์

ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^

บทความสั้นๆ บทความดีๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บทความ แตะตัวทำให้ชอบกันได้ไหม

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน

บทความ ทำนายชีวิตรัก ด้วยความรักทั้ง 6 รูปแบบ

บทความ เทคนิคการจีบสาว ฉบับเจ้าของเพจสายลมแห่งชีวิต