บทความ ยืมเงินแล้วทำไมไม่คืน
ในแวดวงของการกู้ยืมเงินนะครับ มีคำกล่าวที่ว่า
คำพูดที่เชื่อถือไม่ได้ที่สุด คือคำว่า สินเดือนเดี๋ยวคืน
คุณผู้อ่านเคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมคนที่ยืมเงินคนอื่นถึงมีแนวโน้มที่จะไม่คืนเงินตามเวลาที่กำหนด
คลิปนี้มีคำตอบครับ
ส่วนใหญ่แล้วเวลาเราพูดคุยถึงเรื่องของการยืมเงินนะครับ
เรามักที่จะยกมุมมองของเจ้าหนี้ที่มีต่อลูกหนี้มาพูดคุยกันเสมอเลย
แล้วเรื่องเล่าของคนส่วนใหญ่ ก็จะคล้าย ๆ กันครับ นั้นคือ ตอนจะขอยืม
ทำตัวน่าสงสารสุด ๆ ไปเลย
บีบน้ำตาอ้อนวรสารพัด แต่พอได้เงินไปแล้ว หายเงียบไปเลย
สัญญาที่เคยบอกว่าจะคืน วันที่เท่านั้น วันที่เท่านี้ ก็หายเงียบ
ติดต่อไม่ได้ พอโดนต้อนจนจนมุม ก็บอกว่า
ยังไม่มีขอเลื่อนไปก่อน
ซึ่งแน่นอนนะครับว่า คำพูดจากปากของคนที่ไม่รักษาสัญญา ย่อมไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย แต่จะให้ทำยังไงละครับ
ในเมื่อเค้าไม่มีเงินจะคืน
ถึงเราพูดมากไป ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเจ้าหนี้ก็ไม่ได้ซีเรียสกับการโดยเบี้ยวเงินกันเหรอกครับ
เพราะคนที่ให้คนอื่นยืมเงิน คือคนที่มีเงินครับ ดังนั้น คืนช้านิดช้าหน่อย
มันไม่มีปัญหาเลย
แต่ปัญหา มันจะเกิดหลังจากนี่นะสิครับ
เพราะลุกหนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะทำพฤติกรรมไม่น่ารักให้เจ้าหนี้ได้เห็น
เช่นการไปกินไปเที่ยวใช้ชีวิตหรูหร่า ฟู่ฟ่า โอ้โห
ตอนจะคืนบอกไม่มีเงินจะคืนเรา แต่ลับหลัง กลับมีเงินไปทำนู้น ทำนี้ สารพัด
แบบนี้เจ้าหนี้ก็ของขึ้นสิครับ
คุณผู้อ่านคิดดูสิครับ ไม่รักษาสัญญาไม่พอ
มีเงินแล้วแทนที่จะเอามาคืนเราก่อน ดันเอาเงินไปใช้กับเรื่องอื่นก่อนซะงั้น
ด้วยพฤติกรรมแบบนี้ละครับ มันจึงมีคำพูดติดตลกในหมู่เจ้าหนี้ที่ว่า
รุ้สึกเป็นทุก ทุกครั้งที่เห็นลูกหนี้กินดีอยู่ดี
และทำให้หลายคน มีความเชื่อที่ว่า
ไม่มีคำว่าตรงเวลาในพจนานุกลมของลูกหนี้
เจ้าหนี้ส่วนใหญ่นะครับเมื่อเจอพฤติกรรมแบบ ไม่ได้ด้วยเล่ก็ต้องเอาด้วยกลครับ คิดดูสิครับอุส่าเป็นคนดีช่วยเหลือเค้าในตอนที่เค้าเดือนร้อนแท้
ๆ แต่พอจะเอาเงินคืน กลับต้องคิดหาวิธีสารพัด
และแผนการที่น่าอับอายที่สุดที่เจ้าหนี้มักจะใช้กันแล้วสุดท้ายต้องกลับมาเสียใจทีหลัง
นั้นก็คือ การกุเรื่องขึ้นมาครับว่า ตัวฉัน จำเป็นต้องใช้เงินด่วนมาก ๆ เลยนะ
เธอช่วยคืนเงินฉันมาได้รึเปล่า เพราะตอนนี้ฉันไม่มีเงินเลย
และแน่นอนคุณผู้อ่านลองทายดูสิครับว่า เจ้าหนี้พูดออกไปแบบนี้ แล้วจะได้เงินคืนไหม
ส่วนใหญ่ไม่ได้เหรอกครับ เพราะลุกหนี้ เค้าก็มีจุดยืนของเค้าเหมือนกัน
เค้าเพิ่งบอกไปว่ายังไม่มีเงินจะคืน
อยู่ดี ๆ ถ้ามีคืนขึ้นมา ก็กลายเป็นคนขี้โกหกนะสิครับ
ซึ่งแน่นอนครับ บทสรุปของเจ้าหนี้ก็มีแค่สองทางเลือกเท่านั้น นั้นคือ
ไม่ทำใจแล้วปล่อยวาง ก็บุกทะลวงทวงคืนให้ถึงที่สุด
ทั้งหมดทั้งมวนที่ผมกล่าวมา มันเป้นมุมมองของเจ้าหนี้
ที่ผมเชื่อว่าคุณผุ้ฟังก็อาจจะเคยฟังมาบ้างแล้วใช่ไหมละครับ
แต่การฟังความข้างเดียว มันก็อาจจะไม่ยุธิธรรมเท่าไหร่นะครับ
เพราะลูกหนี้ ก้ไม่เคยมีโอกาสได้ออกมาพูดในพอดแคสต์ของใครเลยว่า
พวกเค้ามีเหตุผลอะไร ทำไมถึงไม่ยอมคืนเงิน
วันนี้ครับ ผมได้รวบรวมเหตุผลของเหล่าลุกหนี้ทั้งหลาย
เพื่อมาอธิบายให้คุณผุ้ฟังได้เข้าใจนะครับว่า พวกเค้ามีเหคุผลอะไรกันนะ
ทำไมถึงไม่ยอมคืนเงิน
เอาละครับมาลองฟันกันดูนะครับว่า เหตุผลของฝั่งลุกหนี้ จะฟังขึ้นมากน้อยแค่ไหน
เหตุผลที่1ครับ ไม่มีเงินจะคืนจริง ๆ
คือลุกหนี้เค้าบอกว่า ตัวเค้า ไม่ได้อยากผิดสัญญา แต่ เค้า ไม่มีเงินจะคืนจริง ๆ นะ
แต่ที่เห็นไปกิน ไปเที่ยว
ใช้ชีวิตเหมือนคนมีเงิน เป็นรูปเก่า
ที่ถ่ายไว้นานแล้ว แต่ว่าเพิ่งจะเอามาโพสต์ก็เท่านั้น
หรือบางทีก็อาจจะเป็นรูปปัจจุบันนั่นแหละ แต่ว่าไม่ได้จ่ายเองไง มีคนเลี้ยง อ่า ไปเที่ยว ก็อาจจะไปกับบริษัท บริษัทที่ทำงานพาไป
เพียงแต่อาจจะไม่ได้เปิดเผยเรื่องนั้น ให้สาธารนะชนได้รับรู้
คือเค้าก็แค่อยากจะสร้างภาพให้คนที่ไม่รู้จักเค้า คิดว่าตัวเค้ามีเงินก็เท่านั้นเอง
แต่เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ พอเห็นรูปภาพในโซเชี่ยวแบบนั้น
ก็ตีโพยตีพายกันใหญ่ แทนที่จะมาถามหาความจริง กลับโกรธเป็นฟืนเป้นไฟซะงั้น
อ่านี่คือเหตุผลที่1นะครับ คุณผู้อ่านคิดว่าฟังขึ้นรึเปล่า
ต่อไปคือเหตุผลที่ 2 นะครับนั้นคือ ลำดับความสำคัญของลุกหนี้ ครับ
คือลูกหนี้นะครับเค้าบอกว่า เงินเจ้าหนี้ ไม่จ่ายเดือนนี้เดือนหน้าก็จ่ายได้
แต่วันเกิดแฟน ถ้าพลาดวันนี้ไป
ต้องรออีกทีปีหน้าเลยนะ ซึ่งแน่นอนว่าเบี้ยวนัดนัด1เดือน ย่อมดีกว่าเบี้ยวนัด1ปี ถูกไหมครับ
ลูกหนี้ส่วนใหญ่จะมีตักกะการจัดลำดับความสำคัญในการใช้เงินครับ และคุณผู้อ่านจงทำใจไว้ได้เลยครับ
เพราะจากที่ผมฟังมา การคืนเงินเจ้าหนี้ ไม่เคยอยุ่ลำดับที่หนึ่งเลยครับ
แน่นอนวันเกิดแฟนมีปีละครั้ง ย่อมสำคัญกว่า
กระเป้ารุ้นอมิริเติด มีแค่100ใบ เท่านั้น หมดแล้วหมดเลย
ย่อมต้องมาก่อน อ้าวนึกขึ้นได้ต้องจ่ายค่าผ่อนรถ ถ้าไม่จ่ายเดี๋ยวโดนยึด
งั้นขอจ่ายก่อนแล้วกัน
ด้วยเหตุผลที่มีความสำคัญเหล่านี้ละครับ
จึงทำให้ลูกหนี้ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะไม่คืนเงินเจ้าหนี้ตามกำหนด
ต่อไปคือเหตุผลที่ 3 ครับ นั้นคือ ยืมมาเท่าไหร่ก็อยากคืนเท่านั้น
คือลูกหนี้บางคนก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่ชอบคืนแบบกระปิดกระปอย
สมมุติว่ายืม 10,000 ถ้าจะให้คืนเดือนละพัน เขาก็รู้สึกไม่ดี
คือยืมเท่าไหร่กอยากจะคืนเท่านั้น
เขาจึงคิดว่าเก็บเงินให้ครบก่อนแล้วค่อยคืนทีเดียวจะดีกว่า
ซึ่งลูกหนี้ก็ได้พูดเพิ่มเติมอีกนะครับว่า บางครั้ง เจ้าหนี้ก็เห็นดีเห็นชอบกับวิธีนี้ด้วยนะ
เพราะพอเราเอาเงินไปคืนบางส่วนก่อน เช่น ยืม1หมื่น ขอคืน100นึงก่อน
เจ้าหนี้ก็บอกว่า ไว้ค่อยคืนทีเดียวเลยดีกว่า
ด้วยแนวคิดแบบนี้ละครับ ลูกหนี้จึงรู้สึกว่า
ถ้ามีเงินไม่ครบก็เลยไม่อยากคืน งั้น เงินที่มีในตอนนี้ถ้ายังไม่ต้องคืน
งั้นขอเอาไปใช้ก่อนก็แล้วกัน
คุณผู้อ่านอาจจะรู้สึกว่าตักกะของลูกหนี้อาจจะฟังดูแปลก ๆ อยู่สักหน่อยใช่ไหมครับ
ทำไมไม่รีบเก็บเงินเอามาคืนเจ้าหนี้ให้เร็วที่สุด
จากการที่ผมนั่งวิเคราะอยู่นานสองนานนะครับ
ทำให้ได้ข้อสรุปดังนี้ครับ
ข้อที่1 ก่อนที่เจ้าหนี้จะให้ยืมเงิน ไม่เคยตั้งคำถามบ้างเเหรอครับว่า
ทำไมเขาต้องมาขอยืมเงินเรา เพราะถ้าจะพูดถึงคนที่จะคอยซัพพอร์ตเค้า อันดับต้น ๆ ก็ควจะเป็นพ่อแม่
หรือว่าญาติพี่น้องเค้าก่อน
แต่ถ้าหากเค้าไม่ยืมเงินคนเหล่านั้นเพราะเกรงใจ
แต่กลับมาขอยืมเงินเราแทน แถมส่วนใหญ่ลูกหนี้มักจะบอกว่า เราคือที่พึ่งสุดท้าย
นั้นก็เท่ากับว่า นอกจากเค้าจะเกรงใจเราน้อยกว่าคนอื่น ๆ แล้ว เค้ายังบอกเป็นใน ๆ อีกด้วยว่า
ถ้าต้องเลือกเสียสละใครสักคนออกไปจากชีวิต คน ๆ นั้นก็คือเรา
เพราะถ้าเค้าเดือนร้อนและไม่เหลือทางออกจริง ๆ คนในครอบครัวของเค้าย่อมยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างแน่นอน
แต่ทำไมเค้ากลับเลือกที่จะไม่รับความช่วยเหลือตรงนั้นแต่กลับมายืมเงินเราแทนละ
แปลว่าเค้าให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนเหล่านั้นมากกว่าเราไงครับ
ข้อที่2 คำมั่นสัญญาเรื่องคืนเงินของลูกหนี้
ไม่มีความน่าเชื่อถือตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ
ลองคิดถึงเหตุผลที่เค้ามายืมเงินเราดูให้ดีสิครับ บางคน ใช้เงินเกินตัว เอาเงินอนาคตมาใช้ก่อน บางคน ไม่รู้จักบริหารเงินให้ดี ทำให้หมุนเงินไม่ทัน
และบางคนอาจจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะหาเงินใช้ได้เลยด้วยซ้ำ
แต่เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้คนเหล่านั้นเป็นหนี้หรือไม่มีเงิน
หลายครั้งเกิดจากความ ประมาท และ การไม่มีความรับผิดชอบในการใช้เงิน ถูกไหมครับ
ดังนั้นคำสัญญาที่ออกจากปากของคนที่ไม่มีความรับผิดชอบย่อมไม่น่าเชื่อถือตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ
เอาละครับตอนนี้คุณผู้อ่านก็ได้ฟังมุมมอง
ทั้งของเจ้าหนี้และลูกหนี้ไปแล้ว คิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ
สุดท้ายนี้ผมขอสรุปสั้น ๆ แบบนี้เลยครับ สำหรับเจ้าหนี้
การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีเพราะถึงเราจะไม่ให้อภัยเราก็ไม่ได้เงินคืนอยู่ดี
ส่วนลูกหนี้นะครับ ใจเขาใจเราครับ รู้ไหมครับว่าในยุคสมัยนี้
คนที่ยอมช่วยเหลือเราในตอนที่เราลำบากมันหายากมากแค่ไหน
อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเล็ก ๆ น้อย ๆ จนสูญเสีย คนสำคัญไปโดยไม่รู้ตัวเลยครับ
สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ
จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม พอดแคสต์
ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น