บทความ เดทแรก

 


หากการทำอะไรเชย ๆ แล้วมันจะลงเอยด้วยคำว่ารัก คุณผู้อ่านก็ไม่ควรหยุดพัก แต่ควรที่จะรีบทัก เพื่อที่จะได้ความรักมาครอบครอง 

 

อ่าา ถ้าพูดถึงเดทแรกนะครับ คุณผู้อ่านจำได้รึเปล่าครับว่าคุณผู้อ่าน  พาแฟนของคุณผู้อ่านไปที่ไหน แล้วทำอะไรกันบ้าง

ถ้าให้ผมเดานะครับ ผมคิดว่า คุณผู้อ่านก็คงจะพาแฟนของคุณผู้อ่าน   ไปกินข้าว พาไปดูหนัง พาไปเดินเล่น หรือถ้าเป็นผู้ใหญ่สักหน่อยก็ อาจจะพาไปนั่งชิวฟังเพลง จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ  ในผับในบาร์ 

 

ซึ่งส่วนตัวเดทแรกนะครับ ผมก็ได้พาภรรยาของผม  ไปกินข้าวแล้วก็ ไปนั่ง ไอเจ้า ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ ๆ ที่เอเชียทีคครับ 

หลายคนอาจจะมองว่า อะไรกัน  การเดทธรรมดา ๆ แบบนี้ มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ทำไมเดทกันต้องพาไปกินข้าว พาไปดูหนัง การเดท มันไม่มีกิจกรรมที่น่าสนุกกว่านี้แล้วเหรอ คำตอบคือมีนะครับ แล้วก็มีเยอะมากด้วย

 

แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นนะครับ คุณผู้อ่านเคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมผู้คนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพอพุดถึงเรื่องของการออกเดท  พวกเค้าก็มักจะเลือกออกเดทแบบธรรมดากันอยู่ ทั้ง ๆ ที่ในยุคสมัยนี้ มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ทำอีกตั้งเยอะตั้งแยะ

 

จริง ๆ แล้วเหตุผลก็เพราะว่า ในการออกเดทธรรมดา ๆ  ที่เรามองว่ามันไม่น่าจะมีอะไร แต่ความจริงแล้วนะครับ มันได้แอบซ่อนหลักจิตวิทยาในการทำให้คนสองคน  ตกหลุมรักกันอยู่ด้วยครับ 

 

และเชื่อไหมครับว่า ถ้าคุณผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจหลักจิตวิทยา เหล่านี้ได้ ต่อจากนี้  ไม่ว่าคุณผู้อ่านจะพาคู่เดทของคุณผู้อ่านไปที่ไหน พาไปทำอะไร เขาก็จะประทับใจและหลงรักคุณผู้อ่านอย่างแน่นอน

 

ดังนั้นเอพิโซทนี้ตั้งใจฟังให้ดีนะครับว่า เราจะนำหลักจิตวิทยาในเดทธรรมดา มาประยุคใช้ให้กลายเป็นเดทสุดพิเศษในแบบฉบับของเราได้อย่างไร

 

โอเคครับ เรามาเริ่มกันที่กิจกรรมแรกกันเลยดีกว่า กิจกรรมที่ว่าก็คือ การพาไปกินข้าวครับ 

 

เป็นเรื่องที่น่าสนใจครับว่าการพาไปกินข้าว  จะทำให้เขาชอบเราได้ยังไง ซึ่งในส่วนนี้  มันเป็นหลักจิตวิทยาที่เล่นกับสัญชาตญาณของมนุษย์ครับ 

 

ผมจะเล่าแบบย่อ ๆ นะครับ อารมณ์ประมาณว่า การกินข้าวด้วยกัน มันคือการแชร์ทรัพยากรที่เรามีให้อีกฝ่าย ซึ่งมันคือการแบ่งปันรูปแบบหนึ่งครับ ที่สำคัญคือตอนที่เรากำลังกินอาหารอยู่  มันคือช่วงเวลาที่จะทำให้เราผ่อนคลายมากที่สุดด้วย เพราะว่าพฤติกรรมการกิน  เป็นสิ่งที่เราต้องทำอยู่เป็นประจำ 

 

และสำคัญก็คือถ้าเราพาคู่เดทของเราไปกินของอร่อย ๆ หรือของที่เขาชอบ  เขาก็จะยิ่งลดความตึงเครียดในการมาเดทกับเรามากขึ้นอีกด้วยครับ เพราะว่าการได้กินของอร่อย ๆ   มันจะทำให้คนเรามีความสุขนั่นเอง 

 

อีกอย่างนะครับ อารมณ์ของคนตอนที่หิว กับตอนที่อิ่ม  จะแตกต่างกันมาก ๆ ด้วยครับ ดังนั้นหากคู่เดทของเราได้กินของอร่อยจนอิ่ม  เขาก็จะอารมณ์ดีแล้วก็ผ่อนคลายที่ได้อยู่กับเราครับ 

 

จะสังเกตนะครับว่าเทคนิคนี้ไม่ได้ใช้เฉพาะการเดทเท่านั้น แต่รวมไปถึงในวงการการธุรกิจต่าง ๆ  เขาก็นิยมใช้วิธีการเลี้ยงอาหารแขก ก่อนที่จะพูดคุยธุรกิจ ด้วยเช่นกัน

 

เวลาฝ่ายขายจะขายงานลูกค้า เขาจะไม่เรียกไปที่ห้องประชุมเพื่อพูดคุยนะครับ แต่เขาจะชวนไปที่ร้านอาหาร เพื่อที่จะได้กินไปด้วยคุยงานไปด้วย

 

ต่อไปก็คือการดูหนัง ทำไมกินข้าวแล้วต้องพาไปดูหนังด้วย จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องดูหนังเหรอกครับ แต่เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะดูหนังก็เพราะว่า ส่วนใหญ่แล้ว  เรามักที่จะนัดเจอคู่เดทของเราในห้างสรรพสินค้า และในห้าง  สถานที่เดียวที่สามารถทำให้เราอยู่กับคู่เดทของเราในที่มืด ๆ แล้วทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้ ก็มีแค่โรงหนังเท่านั้น ที่ตื่นเต้น ก็เพราะว่าดูหนังที่ทำให้ตื่นเต้นนะครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกล 

 

อ่าาา เดี๋ยวผมจะบอกครับว่า การทำให้คู่เดทของเราตื่นเต้นมันส่งผลดียังไง 

 

แต่ก่อนอื่นเลยนะครับ จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ที่ชื่อว่า เกอร์เกน ทำให้เราได้ทราบครับว่า

มนุษย์เรา  จะระมัดระวังตัวน้อยลงเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มืด ๆ นะครับ ส่งผลให้เปิดใจง่ายขึ้นอีกด้วย

 

อ่าา ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพแบบนี้เลยก็แล้วกันนะครับ สมมุติว่าถ้าเกิดเราให้ผู้หญิงกับผู้ชายเข้าไปอยู่ในห้องที่สว่าง ๆ  พวกเขา จะนั่งห่างกัน  แล้วจะไม่พูดคุยถึงเรื่องที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของกันและกันด้วย 

 

แต่ในทางกลับกันนะครับ หากเราจับผู้หญิงกับผู้ชายไปไว้ในห้องมืด ๆ พวกเขาจะพูดคุยกันน้อยลง และจะเริ่มใกล้ชิดกับคนที่ชอบมากขึ้น

 อาจจะพูดได้ว่าที่มืด ๆ   ทำให้การหักห้ามใจตามปกติหรือ ความเขินอายที่ควรจะมี ลดลงก็เป็นได้ครับ 

 

ดังนั้นการให้ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ในที่มืด ๆ ไฟสลัวสลัวสองต่อสองด้วยกัน  มันจึงทำให้พวกเขาสามารถสานสัมพันธ์กันได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็นครับ 

 

แล้วถ้าคุณผู้อ่านมีเพื่อนที่เป็นคนเจ้าชู้ ๆ  หรือว่าคาสโนว่าอยู่บ้าง คุณผู้อ่านก็จะสังเกตว่า พวกเขาเหล่านั้น  มักที่จาชอบเที่ยวกลางคืน หรือถ้านัดเดทก็มักที่จะดินเนอร์ในมื้อค่ำใต้แสงเทียนเสมอ และแน่นอนพวกเขาเหล่านั้นมักจะจีบสาวติดอย่างง่ายดาย 

 

ที่เป็นแบบนั้นจริง ๆ มันก็หลายปัจจัยล่ะครับ แต่หนึ่งในนั้นก็เพราะว่า การที่เขาเข้าไปจีบสาว เข้าไปพูดคุยกับพวกเธอ ในสถานที่ ๆ มืดสลัว มันทำให้สาว ๆ   เปิดใจให้กับพวกเขามากยิ่งขึ้นนั่นเอง ครับ

 

ทีนี้คุณผู้อ่านเข้าใจหรือยังครับว่า การดูหนังจริง ๆ แล้วไม่เกี่ยวเลย แต่ประเด็นสำคัญก็คือ หญิงชายต้องอยู่ในที่ที่มืด ๆ ด้วยกันต่างหากครับ

 

เอาล่ะครับกลับมาในเรื่องที่ผมได้พูดค้างไว้นะครับ นั่นก็คือ การทำให้คู่เดทของเราตื่นเต้นมันส่งผลดีอย่างไร 

 

ผมจะอธิบายแบบนี้นะครับ คุณผู้อ่านเคยไปโรงพยาบาลกันบ้างหรือเปล่าครับ พอเราไปที่โรงพยาบาลนะครับ สิ่งแรกเลยนะครับที่เราต้องทำเสมอ ก็คือพยาบาล ก็จะพาเราไปวัดความดันถูกไหมครับ แต่หลายครั้งนะครับ ที่พยาบาลบอกให้เรานั่งพักสัก 10 นาทีก่อน แล้วค่อยมาวัดความดัน  ทั้ง ๆ ที่ ตัวเราในตอนนี้  ก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไร ทำไมต้องนั่งรอด้วย 

 

แต่ความจริงแล้วนะครับ ชีพจรของเรา  อาจจะเต้นเร็วกว่าปกติจากการที่เราเดินมาไกล ๆ ก็ได้ครับ เพียงแต่เรา อาจจะไม่รู้ตัว

 

ถ้าไม่เชื่อนะครับลองทำการทดลองแบบนี้ดูก็ได้ครับ คุณผู้อ่านลองไปออกกำลังกายให้เหนื่อยสุด ๆ ไปเลยนะครับ แล้วลองวัดความดันดู หลังจากนั้นคุณผู้อ่านก็ลองนั่งพักให้หายเหนื่อยครับ เมื่อรู้สึกว่าหายเหนื่อยแล้วลองกลับไปวัดความดันอีกรอบนึง คุณผู้อ่านจะเห็นครับว่า ความดันของคุณผู้อ่าน  ยังสูงอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่คุณผู้อ่านก็นั้งพักจนหายเหนื่อยแล้ว 

 

และหลักการตรงนี้ล่ะครับ คือสิ่งที่เราจะต้องเอามาใช้กับคู่เดทของเราให้เป็นประโยชน์ 

 

เพราะว่าหากคู่เดทของเราเกิดความรู้สึกตื่นเต้น ไม่ว่าจะจากสาเหตุใดก็ตาม สารadrenaline ก็จะพุ่งพล่านครับ แล้วต่อให้เหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้ว ความตื่นเต้นนั้นก็จะยังคงอยู่ในตัวเขา และแน่นอน การมีช่วงเวลาดี ๆ กับเราในขณะที่ เลือดกำลังสูบฉีด จะทำให้คู่เดทของเรา  มีแนวโน้มที่จะรู้สึกดีกับเราเพิ่มมากขึ้น หลายเท่าเลยทีเดียวครับ 

 

ดังนั้นเวลาเราพาคู่เดทของเราไปดูหนังที่มีความตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นหนังบู๊ หนังผี หรือหนังฮีโรติกก็ตาม มันก็เหมือนกับว่าเราได้ใช้หลักจิตวิทยาแบบทูอินวัน คือได้อยู่ที่มืด ๆ ด้วยกัน แล้วยังได้ตื่นเต้นร่วมกันด้วย 

 

แต่อย่างที่บอกครับไม่จำเป็นต้องเป็นที่โรงหนังก็ได้ ถ้าคุณผู้อ่าน อยากจะทำให้คู่เดทใจเต้นแรง คุณผู้อ่านก็อาจจะพาไปเล่นกีฬาที่เขาชอบ หรืออาจจะพาเขาไปเที่ยวที่สวนสนุก เล่นเครื่องเล่นที่หวาดเสียวแทนก็ได้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ตามความต้องการเลยครับ 

 

คือถ้าเราเข้าใจหลักการทำงานของหลักจิตวิทยาในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่นแล้ว  เชื่อเถอะครับไม่ว่าเราจะพาเขาไปที่ไหนเราก็สามารถสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้คู่เดทของเรา  รู้สึกดีกับเราได้เสมอครับ 

 

อ๋อผมขอแถมอีกเรื่องนึงนะครับ  มีการทดลอง 1 ครับบอกว่า เมื่อผู้หญิงต้องอยู่ในสถานที่แคบ ๆ กับผู้ชาย พวกเธอจะเกิดจิตสำนึกด้านความร่วมมือขึ้นครับ นั่นคือ พวกเธอจะพยายามทำความเข้าใจ และพูดคุยกับอีกฝ่ายมากขึ้น

 

 ดังนั้นถ้าคุณผู้อ่านอยากจะให้คู่เดทของคุณผู้อ่านเปิดใจให้มากขึ้น การขับรถไปรับไปส่งพวกเธอ หรือการขับรถพาเธอไปเที่ยวในสถานที่ที่มันไกล ๆ  ถือเป็นโอกาสที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์อย่างมากเลยครับ  

 

เพราะการอยู่ในรถกันสองต่อสอง ก็เปรียบเสมือนการที่เราต้องถูกบังคับให้อยู่ในที่แคบ ๆ ด้วยกัน อยากหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

 

แต่อย่างไรก็ตามขอย้ำนะครับว่าสถานที่แคบ ๆ  ครับ ไม่ได้ระบุเจาะจงว่าต้องเป็นรถยนต์เท่านั้น ถึงจะเปลี่ยนจากรถยนต์เป็นตู้คาราโอเกะแคบ ๆ ที่ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองแทน ก็ใช้ได้ผลเช่นกันครับ 

 

เห็นหรือยังครับว่าจริง ๆ แล้วการเดทธรรมดา ๆ  มันได้ซ่อนหลักจิตวิทยาที่สุดยอดไว้อย่างมากมายเลยครับ

ถ้าคุรผู้ฟังเบื่อการเดทแบบเดิม ๆ  คุผู้ฟังก็ลองนำเอาแกนของหลักจิตวิทยา ไปใช้กับวิธีอื่นดูก็ได้ครับ 

 

สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า สิ่งที่ผมได้พูดมาทั้งหมดในบทความนี้นะครับ มันเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้นเพราะการเดทนั้นยังมีอะไรที่เราต้องเรียนรู้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ First impression ความประทับใจแรกพบ หรือเรื่องของทักษะการพูดที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจเวลาที่อยู่กับเรา

 

แต่ว่าเรื่องเหล่านั้น  เอาไว้บทความถัด ๆ ไปเดี๋ยวผมจะค่อย ๆ หาโอกาสพูดให้ฟังก็แล้วกันนะครับ แต่สำหรับคืนนี้ ก็ขอให้ความสุขส่งไปถึงหัวใจ แล้วพบกันใหม่ ฝันดีนะครับ


สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ

จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม  พอดแคสต์

ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บทความ แตะตัวทำให้ชอบกันได้ไหม

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน

บทความ ทำนายชีวิตรัก ด้วยความรักทั้ง 6 รูปแบบ

บทความ เทคนิคการจีบสาว ฉบับเจ้าของเพจสายลมแห่งชีวิต