บทความ นิทานกริมส์ ตอน THE GOLDEN BIRD

 



นิทานกริมส์ ตอน THE GOLDEN BIRD

เขียนโดย เจคอบ กริมม์ และ วิลเฮม กริมม์

แปลและเรียบเรียงเนื้อหาโดย บทสรุปฉบับแฮมแฮม

 

ณอาณาจักรแห่งหนึ่ง ได้มีกษัตริย์พระองค์หนึ่ง พระองค์ทรงมีสวนที่แสนงดงาม และในสวนแห่งนั้น ได้มีต้นไม้ต้นหนึ่ง มันได้ผลิดอกออกผล เป็นลูกแอปเปิลสีทอง แอปเปิลเหล่านี้ถูกนับจำนวนอยู่เสมอ และเมื่อถึงเวลาที่พวกมันเริ่มสุกงอม พระองค์ก็สังเกตเห็นว่าลูกแอปเปิลหนึ่งผลหายไปทุกคืน พระราชาทรงกริ้วกับเรื่องนี้อย่างมาก และทรงสั่งให้คนสวนเฝ้าใต้ต้นไม้ทั้งคืน คนสวนจึงสั่งให้ลูกชายคนโตของเขา เฝ้าดูเอาไว้ แต่ราว ๆ  สิบสองนาฬิกา ลูกชายคนโตของเขาก็ผล็อยหลับไป และในตอนเช้า ก็มีแอปเปิลอีกลูกนึงหายไป จากนั้นบุตรชายคนรองก็ได้รับคำสั่งให้เฝ้าดู และในเวลาเที่ยงคืนเขาก็ผล็อยหลับไปเช่นกัน และในตอนเช้าก็มีแอปเปิลอีกลูกหนึ่งที่หายไปอีกแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นลูกชายคนเล็กก็เสนอตัวเองเพื่อขอเฝ้าดูบ้าง แต่คนสวนในตอนแรกนั้น กลับไม่ยอมให้ลูกชายคนเล็กทำ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้น อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็ยินยอม และในคืนนั้น ลูกชายคนเล็กก็เอนกายลงใต้ต้นไม้เพื่อเฝ้าดู เมื่อนาฬิกาบอกเวลาสิบสองนาฬิกา เขาก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบในอากาศ และเขาก็ได้สังเกตเห็นว่า มีนกสีทองตัวหนึ่ง เป็นทองคำบริสุทธิ์บินมาจากท้องฟ้า และในขณะที่มันกำลังจะใช้จงอยปากของมัน หักก้านลูกแอปเปิ้ลอยู่นั้น ลูกชายคนเล็กของคนสวน ก็กระโดดออกมา และยิงธนูใส่นกทองคำในทันที แต่ลูกธนูก็ไม่ได้ทำอันตรายนกแต่อย่างใด มีเพียงแค่ขนสีทองเท่านั้นที่หลุดออกจากหางของมัน ก่อนที่มันจะบินหนีไป ในตอนเช้าคนสวนและลูกชายคนเล็กได้นำขนนกทองคำ มาถวายแด่กษัตริย์ และเรียกประชุมสภากันยกใหญ่ ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า ขนนกทองคำอันนี้ มีค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดของอาณาจักรเสียด้วยซ้ำ แต่กษัตริย์ตรัสว่า 'ขนนกเพียงอันเดียวไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน ฉันต้องการนกตัวนั้นทั้งตัว

 

ลูกชายคนโตของคนสวน จึงอาสาออกเดินทางเพื่อตามหานกสีทอง เพราะเขาคิดว่า นี่คืองานง่าย ๆ ทำได้อยู่แล้ว และหลังจากที่เขาเดินทางไปได้ไม่นาน ลูกชายคนโต ก็มาถึงป่าแห่งหนึ่ง และเขาก็ได้หันไปเห็นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งนั่งอยู่ที่ริมป่า เขาจึงไม่รีรอที่จะหยิบคันธนูขึ้นมา เพื่อเตรียมพร้อมจะยิง แต่สุนัขจิ้งจอกก็พูดขึ้นมาว่า 'อย่ายิงข้าเลย หากท่านไว้ชีวิตข้า ข้าจะให้คำปรึกษาที่ดีแก่ท่าน ข้ารู้นะว่าท่านมีธุรอะไรถึงได้มาที่นี่ ท่านต้องการหานกสีทองใช่หรือไหม หากท่านเดินไปตามทางนี้เรื่อย ๆ  ท่านจะไปถึงหมู่บ้านในตอนเย็น และเมื่อไปถึงที่นั่น ท่านก็จะเห็นบ้านพักสองหลังอยู่ตรงข้ามกัน บ้านหลังหนึ่งน่าอยู่และสวยงามมาก แต่ท่านต้องไม่เข้าไปในนั้น ให้ท่านเลือกพักในบ้านอีกหลังนึงแทน 

ถึงแม้ว่าลูกชายคนโต จะรู้สึกว่าเจ้าสุนัขจิ้งจอกช่างน่าสงสาร และการฆ่ามันช่างดูโหดร้ายก็ตาม 

แต่ลูกชายคนโตก็คิดในใจว่า 'สัตว์ร้ายอย่างนี้จะรู้อะไรกันเล่า' ดังนั้นเขาจึงยิงธนูใส่ที่สุนัขจิ้งจอก แต่เขาก็ยิงพลาด และแน่นอนเจ้าสุนัขจิ้งจอกมันก็รีบตั้งหางไว้เหนือหลังของมัน ก่อนที่จะวิ่งหนีเข้าป่าไปในทันที เมื่อลูกชายคนโตเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ  ครั้นถึงเวลาเย็น ก็มาถึงหมู่บ้านที่สุนัขจิ้งจอกเคยบอกไว้ และหนึ่งในบ้านพัก2หลังนั้น ก็ได้มีคนร้องเพลง เต้นรำ และงานเลี้ยงรื่นเริง; แต่บ้านอีกหลังนั้นกลับดูสกปรกและทรุดโทรมมาก ๆ  

เขาจึงพูดกับตัวเองว่าฉันคงจะงี่เง่ามาก ถ้าฉันเชื่อคำพูดของจิ้งจอกแล้วไปพักในบ้านโกโรโกโสหลังนั้น ในเมื่อมีบ้านพักที่ทั้งหรูหราและงดงามให้เลือกพัก เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงเข้าไปในบ้านพักหลังงามและกินดื่มอย่างสบายใจ ด้วยความเพลิดเพลินและความสนุกจึงทำให้เขาลืมเรื่องนกทองคำและประเทศของเขาไปเลย 

 

แล้วเวลาก็ได้ผ่านไป เมื่อลูกชายคนโตไม่กลับมาและไม่มีใครได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเขาเลย ลูกชายคนที่สองจึงออกเดินทางบ้าง และสิ่งเดียวกันก็เกิดขึ้นกับเขา เขาได้พบกับสุนัขจิ้งจอก ซึ่งได้ให้คำแนะนำที่ดีแก่เขาเช่นกัน แต่เขาก็ได้ทำเหมือนกับพี่ชายคนโต นั่นคือยิงจิ้งจอก ก่อนที่จะเดินทางต่อ และเมื่อเขาเดินทางมาถึงบ้านพักทั้งสอง น้องชายคนรองก็เห็นพี่ชายคนโตของเขา ยืนอยู่ที่หน้าต่างในบ้านที่จัดงานรื่นเริง และพี่ชายก็ได้เรียกให้เขาเข้ามาเพื่อที่จะได้สนุกด้วยกัน แน่นอนว่าน้องชายคนรองไม่สามารถ อดทนกับสิ่งนี้ได้ เขาจึงเข้าไปข้างใน และลืมเรื่องนกทองคำและประเทศของเขาในทันที 

 

เวลาผ่านไปอีกครั้ง และลูกชายคนสุดท้องก็ปรารถนาที่จะออกสู่โลกกว้างเพื่อตามหานกทองคำด้วยเช่นกัน แต่พ่อของเขาไม่ยอมฟังความต้องการของเขาเลย เพราะเขารักลูกชายของเขามาก และกลัวว่าเขาจะไม่ได้กลับมา เหมือนกับพี่ชายทั้ง 2 คนที่ออกไปก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ในที่สุด คนสวนก็ต้องยอมให้เขาไป เพราะลูกชายไม่ยอมอยู่ที่บ้านอีกแล้ว

 

 และเมื่อเขามาถึงป่า เขาก็ได้พบกับสุนัขจิ้งจอก และได้ยินคำแนะนำที่ดีเช่นเดียวกัน แต่เขากลับรู้สึกขอบคุณสุนัขจิ้งจอก และไม่ได้พยายามฆ่ามัน เหมือนกับพี่ชายทั้งสองของเขา จิ้งจอกจึงกล่าวว่า 'เจ้าจงนั่งบนหางของข้าสิ แล้วเจ้าจะเดินทางเร็วขึ้น' เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงนั่งลง สุนัขจิ้งจอกก็เริ่มออกวิ่ง มันวิ่งออกไปอย่างว่องไวจนขนของมันปลิวไสวตามลม

 

เมื่อพวกเขามาถึงหมู่บ้าน ชายหนุ่มก็ทำตามคำแนะนำของจิ้งจอก โดยไม่ได้สนใจงานเลี้ยง และเข้าไปที่บ้านพักเก่าเพื่อพักผ่อนที่นั่นทั้งคืน

 

 ในตอนเช้าขณะที่เขากำลังจะเริ่มการเดินทางต่อ สุนัขจิ้งจอกก็ออกมาพบกับเขาอีกครั้ง และพูดว่า "เจ้าจงเดินตรงไปข้างหน้าจนถึงประสาท แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าจะเห็นทหารทั้งกองหลับสนิทและกรน อย่าสนใจพวกเขา แต่จงเข้าไปในปราสาทแล้วเดินผ่านไปเรื่อย  ๆ  จนกว่าเจ้าจะไปถึงห้องที่มีนกสีทองนั่งอยู่ในกรงไม้ และใกล้ ๆ กันนั้นจะมีกรงสีทองสวยงามวางอยู่ด้วย แต่เจ้าอย่าพยายามเอานกออกจากกรงไม้โทรม ๆ  แล้วนำมันไปใส่ไว้ในกรงทองโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจรู้สึกผิด จากนั้นสุนัขจิ้งจอกก็เหยียดหางออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็นั่งลง มันก็เดินข้ามโขดหินไปจนขนของมันปลิวไสวตามลม

เมื่อไปถึงประตูปราสาท ทุกอย่างเป็นไปตามที่จิ้งจอกพูดไว้ ชายหนุ่มก็ได้เดินเข้าไปในปราสาท และเขาก็ได้พบห้องที่มีนกสีทองห้อยอยู่ในกรงไม้ และด้านล่างก็มีกรงทองคำตั้งอยู่ แถมเขายังพบกับลูกแอปเปิ้ลสีทองสามลูกที่หายไป วางอยู่ใกล้  ๆ อีกด้วย ชายหนุ่มคิดในใจว่า 'การเอานกทองคำที่แสนงดงาม มาอยู่ในกรงไม้โทรม ๆ แบบนี้ มันช่างเป็นเรื่องน่าขนลุก ดังนั้นเขาจึงเปิดกรงไม้และจับนกทองคำมาใส่ไว้ในกรงทองคำ แต่นกทองคำกลับรู้สึกตกใจที่โดนจับ และร้องเสียงดังจนทหารตื่นขึ้น ชายหนุ่มจึงถูกจับเข้าคุก เช้าวันรุ่งขึ้นศาลได้ตัดสินเขา และเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดศาลก็พิพากษาประหารชีวิตชายหนุ่ม เว้นแต่หากว่า เขาจะนำม้าทองคำที่วิ่งเร็วราวกับลมกรดมาถวายให้องค์กษัตริย์ของพวกเขาได้ และถ้าเขาทำได้ องค์กษัตริย์จะมอบนกทองคำให้กับเขาเป็นสิ่งตอบแทน 

 

ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องออกเดินทางอีกครั้ง ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง แต่จู่ ๆ  สุนัขจิ้งจอกเพื่อนของเขาก็มาหาเขา และพูดว่า 'เจ้าคงเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเจ้าไม่ฟังคำแนะนำของข้า อย่างไรก็ตาม ข้าจะยังบอกวิธีหาม้าทองคำให้เจ้าทราบ ถ้าเจ้าจะยอมทำตามที่ข้าสั่ง เจ้าต้องตรงไปจนกว่าจะถึงปราสาทอีกแห่งหนึ่ง ที่นั่นจะมีม้ายืนอยู่ในคอกของมัน เจ้านายของมันจะนอนหลับอย่างรวดเร็วและกรนอยู่ข้าง  ๆ มัน เจ้าจงนำม้าออกไปอย่างเงียบ  ๆ  แต่ก่อนไปอย่าลืมวางอานม้าหนังเก่า ๆ ไว้บนตัวมันด้วยล่ะ จำไว้นะอานม้าหนังเก่า ๆ  ไม่ใช่อานม้าทองคำที่อยู่ใกล้เคียง' จากนั้นชายหนุ่มก็นั่งลงบนหางของสุนัขจิ้งจอก มันก็เดินออกไป และขนของมันปลิวไสวตามสายลม

ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี และเจ้าของม้าก็นอนกรน ในขณะที่มือของเขาวางอยู่บนอานม้าทองคำ แต่เมื่อชายหนุ่มมองดูม้า เขาคิดว่ามันน่าเสียดายที่ต้องใส่อานม้าหนังเก่า ๆ ให้กับมัน 'ฉันควรจะให้สิ่งที่ดีกว่านี้แก่มัน ฉันแน่ใจว่าม้าตัวนี้สมควรได้รับอานม้าทองคำ' แต่ขณะที่เขาพยายามที่จะหยิบอานม้าสีทอง เจ้าของม้าก็ตื่นขึ้น และร้องเสียงดังจนทหารยามทั้งหมดวิ่งเข้ามาจับตัวเขาไว้ และในตอนเช้าชายหนุ่มก็ถูกนำตัวมาที่ศาลอีกครั้งเพื่อพิจารณาคดี และถูกพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่ก็ได้พูดเจรจาจนตกลงกันได้แล้วว่า ถ้าเขาสามารถพาเจ้าหญิงแสนสวยมาที่ปราสาทได้ เขาจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ และจะได้ม้าเป็นรางวัลอีกด้วย 

 

ลูกชายคนเล็กออกเดินทางต่อด้วยความโศกเศร้ามาก แต่จิ้งจอกเฒ่าก็โผล่มาและพูดว่า 'ทำไมเจ้าไม่ฟังข้า? ถ้าเจ้าฟังข้า เจ้าคงพาทั้งนกและม้ากลับมาได้แล้ว แต่เอาเถอะข้าจะให้คำแนะนำแก่เจ้าอีกครั้งหนึ่ง เจ้าจงเดินตรงไปตามเส้นทางที่ข้าบอก และในตอนเย็นเจ้าจะไปถึงปราสาท เวลาสิบสองนาฬิกาในตอนกลางคืนพอดีพอดี ซึ่งในตอนนั้นคือช่วงเวลาที่เจ้าหญิงจะไปโรงอาบน้ำ: เจ้าจงลักลอบขึ้นไปหาเธอและจูบเธอซะ แล้วเธอจะยอมให้เจ้าพาตัวเธอไป แต่ระวังอย่าให้นางมีโอกาสได้บอกลาจากบิดามารดาของนางโดยเด็ดขาด' จากนั้นสุนัขจิ้งจอกก็เหยียดหางออก ชายหนุ่มก็ขึ้นไปนั่งเหมือนเดิม ก่อนที่จิ้งจอกจะวิ่งพาไป 

เมื่อพวกเขามาถึงปราสาท ทั้งหมดก็เป็นไปตามที่จิ้งจอกพูดไว้อีกแล้ว และเมื่อเวลา 12 นาฬิกาในตอนกลางคืน ชายหนุ่มก็ได้พบกับเจ้าหญิงที่กำลังไปอาบน้ำเขาไม่รีรอที่จะรีบเข้าไปจูบเธอ และเธอก็ตกลงที่จะหนีไปกับเขา แต่เจ้าหญิงขอร้องกับเขาทั้งน้ำตา อยากให้เขาปล่อยให้เธอได้บอกลาพ่อของเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อน ตอนแรกชายหนุ่มปฏิเสธ แต่เธอยังคงร้องไห้มากขึ้นเรื่อย ๆ  และล้มลงแทบเท้าของเขา จนในที่สุดเขาก็ยินยอม แต่เมื่อนางมาที่ห้องบิดาของนาง ผู้คุมก็ตื่นขึ้นและชายหนุ่มก็ถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็ถูกนำตัวไปเข้าเฝ้ากษัตริย์และกษัตริย์ตรัสว่า 'เจ้าจะไม่มีทางได้ลูกสาวของฉัน เว้นแต่เจ้าจะขุดเนินเขาที่บดบังวิวจากหน้าต่างของฉันออกไปในแปดวัน' เมื่อชายหนุ่มหันไปมองเนินเขาจึงได้รู้ว่าเนินเขานี้ใหญ่มากเสียจน ต่อให้เอาคนทั้งโลกมาช่วยกันก็ยังเอาออกไปไม่ได้เลย และเมื่อเขาพยายามขุดมันจนผ่านไป 7 วัน เขาก็ได้พบว่ามันสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น สุนัขจิ้งจอกก็โผล่มา แล้วพูดว่า เจ้าจงนอนลงและหลับเสียเถอะ ข้าจะทำงานต่อให้เจ้าเอง' รุ่งเช้าพระองค์ทรงตื่นขึ้นและต้องตกตะลึงเพราะเนินเขาลูกนั้นได้หายไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเข้าเฝ้าพระราชาอย่างร่าเริง แล้วพูดว่า เมื่อเอาเนินเขาออกได้แล้ว พระองค์ต้องมอบเจ้าหญิงให้ข้าพเจ้า 

และแน่นอนเป็นกษัตริย์ก็ต้องรักษาคำพูด ชายหนุ่มจึงได้พาตัวเจ้าหญิงออกเดินทางไป สุนัขจิ้งจอกบอกกับเขาว่า 'เราสามารถมีทั้งสามสิ่ง ทั้ง เจ้าหญิง ม้า และนกทองคำ' 'อา!' ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า ถ้าเป็นแบบนั้นได้จะดีมากเลยแต่เราจะต้องทำอย่างไรล่ะ 

'ถ้าเจ้าเพียงแต่ฟังสิ่งที่ข้าบอก' จิ้งจอกพูด 'ก็จะสามารถทำได้' เมื่อเจ้าไปหาพระราชาและเขาขอเจ้าหญิงจากเจ้า เจ้าต้องพูดว่า "เธออยู่นี่แล้ว!" หลังจากนั้นพวกเขาจะยินดีอย่างยิ่ง และเจ้าจงอาศัยจังหวะนั้นขึ้นม้าทองคำที่พวกเขาจะมอบให้เจ้า และยื่นมือออกมาทำทีเหมือนจะลาจากพวกเขา แต่เจ้าจงอาศัยจังหวะนั้นจับมือกับเจ้าหญิงแล้วยกเธอขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็ว แล้วรีบควบม้าออกไปให้เร็วที่สุด

เมื่อชายหนุ่มทำตามทุกอย่างก็ออกมาเรียบร้อยดี สุนัขจิ้งจอกก็พูดว่า 'เมื่อเจ้ามาถึงปราสาทที่มีนกอยู่ ข้าจะอยู่กับเจ้าหญิงที่ประตู และเจ้าจงขี่ม้าเข้าไปคุยกับพระราชา และเมื่อพระราชาเห็นว่าเป็นม้าตัวที่เขาต้องการ เขาก็จะนำนกตัวนั้นออกมา แต่เจ้าต้องนั่งนิ่ง ๆ  แล้วพูดว่า ข้าอยากดู ดูว่าเป็นนกสีทองจริงหรือไม่ และเมื่อเจ้าได้รับนกมาไว้ในมือของเจ้าแล้ว จงรีบขี่ม้าออกไปให้เร็วไว'

 

เมื่อชายหนุ่มออกมาได้ ก็พาเจ้าหญิงขึ้นม้าอีกครั้ง และพวกเขาก็ขี่ม้าไปที่ป่าใหญ่ สุนัขจิ้งจอกโผล่ออกมาและพูดว่า 'เจ้าช่วยฆ่าข้าและตัดหัวและเท้าของข้าให้หน่อย'ได้หรือไม่ แต่ชายหนุ่มปฏิเสธที่จะทำ ดังนั้นสุนัขจิ้งจอกจึงพูดว่า 'ข้าจะให้คำแนะนำที่ดีแก่เจ้า เจ้าจงระวังสองสิ่ง ข้อที่1อย่าจ่ายค่าไถ่ให้ผู้ใดจากตะแลงแกง และข้อที่2 ห้ามนั่งลงที่ริมฝั่งแม่น้ำโดยเด็ดขาด" จากนั้นสุนัขจิ้งจอกก็จากไป 'อืม' ชายหนุ่มคิด 'การทำตามคำแนะนำนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย'

เขาขี่ม้าต่อไปกับเจ้าหญิง จนกระทั่งในที่สุดเขาก็มาถึงหมู่บ้านที่เขาทิ้งพี่ชายสองคนไว้ และที่นั่นเขาได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม; และเมื่อเขาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ชาวบ้านก็พูดว่า 'ในวันนี้ชายสองคนจะถูกแขวนคอ' เมื่อชายหนุ่มเข้าไปดูใกล้ ๆ  ก็เห็นว่า ชายทั้งสองเป็นพี่น้องของเขานั่นเอง ซึ่งพวกเขานั้นได้กลายเป็นโจรไปเสียแล้ว ชายหนุ่มจึงพูดว่า ไม่มีวิธีที่จะทำให้พวกเขารอดเลยหรือ แต่ผู้คนบอกว่า 'ไม่' เว้นแต่เขาจะมอบเงินทั้งหมดเพื่อแลกกับเสรีภาพของชาย 2 คนนี้ แน่นอนลูกชายคนเล็กจะปล่อยให้พี่ชายทั้งสองตายได้อย่างไร เขาจึงนำเงินทั้งหมดจ่ายให้กับชาวบ้านไป ชายหนุ่มจึงได้พาพี่น้องของเขาอีก 2 คนเดินทางกลับไปที่บ้านของพวกเขาด้วยกัน 

และเมื่อพวกเขามาถึงป่าที่พบกับสุนัขจิ้งจอกเป็นครั้งแรก ก็ตกเย็นแล้วพี่ ๆ ทั้งสองกล่าวว่า 'ให้เรานั่งลงที่ริมแม่น้ำและพักผ่อนสักครู่ เพื่อกินและดื่ม'ได้หรือไม่ พวกเราเดินทางไกลและเหนื่อยมาก น้องชายคนเล็กจึงตอบว่า ได้สิ' และลืมคำแนะนำของจิ้งจอกไปเสียสนิท เขานั่งลงที่ริมฝั่งแม่น้ำ และในขณะที่เขาไม่ทันระวังตัว พี่ชายทั้งสองของเขาก็ได้ย่องมาจากด้านหลัง และจับเขาโยนลงไปในแม่น้ำในทันที ก่อนที่จะพาเจ้าหญิง ม้า และนกทองคำ กลับบ้านไปเฝ้าพระราชาผู้เป็นเจ้านายของพวกเขา เมื่อไปถึงพี่ชายคนโตและคนกลางได้กล่าวว่า 'ทั้งหมดนี้เราได้รับมาด้วยความสามารถของพวกเราล้วน ๆ ' ทั้งสองยินดียิ่งนัก แต่ม้ากลับไม่กินอาหาร นกไม่ยอมร้องเพลง และเจ้าหญิงก็ร้องไห้ตลอดเวลา 

ชายหนุ่มที่ตกลงไปที่ก้นแม่น้ำ โชคดีที่มันเกือบจะแห้ง แต่โชคร้ายที่กระดูกของเขาเกือบจะหัก และตลิ่งชันมากเกินไป จนหาทางออกไม่ได้ จากนั้นจิ้งจอกเฒ่าก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และดุเขาที่เขาไม่ทำตามคำแนะนำของมัน ถ้าเจ้าทำตามสิ่งที่ข้าบอก ก็คงจะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเจ้า: 'ถึงกระนั้น' สุนัขจิ้งจอกพูด 'ฉันไม่สามารถทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ได้ ดังนั้นจงจับหางของข้าไหวและจับให้แน่น' จากนั้นสุนัขจิ้งจอกก็ดึงชายหนุ่มออกจากแม่น้ำ และพูดกับเขาในขณะที่เขาขึ้นไปบนฝั่งว่า 'พี่น้องของเจ้าพยายามจะฆ่าเจ้า ถ้าพวกเขาพบเจ้าในอาณาจักร'เจ้าจะอยู่ในอันตราย ดังนั้นชายหนุ่มจึงแต่งตัวเป็นคนยากจน และแอบเข้ามาที่ราชสำนัก 

เมื่อเป็นเช่นนั้น ม้าก็เริ่มกินอาหารและนกก็เริ่มร้องเพลงและเจ้าหญิงก็หยุดร้องไห้ ชายหนุ่มได้เสด็จเข้าเฝ้าพระราชาและทรงเล่าความจริงของพี่น้องทั้ง2ให้ฟัง และพวกเขาก็ถูกจับและลงโทษ และราชาก็ได้มอบเจ้าหญิงให้กับชายหนุ่มอีกครั้ง และหลังจากที่กษัตริย์สิ้นพระชนม์แล้ว เขาก็ได้กลายเป็นทายาทแห่งอาณาจักรของเขา

ไม่นานหลังจากนั้น วันหนึ่งเขาก็เดินไปในป่า สุนัขจิ้งจอกแก่ได้มาพบเขา และอ้อนวอนเขาด้วยน้ำตาให้ฆ่ามัน และตัดหัวและเท้าของมันออก และในที่สุด เขาก็ทำเช่นนั้น และในชั่วขณะหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกก็เปลี่ยนเป็นผู้ชาย และกลายเป็นน้องชายของเจ้าหญิงที่พลัดพรากจากกันไปนานหลายปี



สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ

จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม  พอดแคสต์

ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน

บทความ คนสวยก็มีความทุกข์ในแบบของคนสวยเหมือนกัน

บทความ เกมให้คะแนนสาวสวย

บทความ สระว่ายน้ำของคนโง่