บทความ อัตมโนทัศน์
เข้าใจ
อัตมโนทัศน์ เมื่อไหร ก็สามารถเป็นคนที่ตัวเองอยากเป็นเมื่อนั้น
บอกตามตรงนะครับว่า
ตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคยได้ยินคำว่า
อัตมโนทัศน์ มาก่อนเลย เพิ่งจะมาเข้าใจความหมายของมัน ก็วันนี้ ล่ะครับ
นี่ก็
ถือเป็นข้อดีของการทำพอดแคสต์นะครับ มันทำให้เรา ได้เรียนรู้ความรู้ใหม่ ๆ ในทุก ๆ วันเลย
ซึ่งคำว่าอัตมโนทัศน์นี้นะครับ
ผมได้อ่านมาจากหนังสือที่ชื่อว่า อ่านจิตรู้ใจผู้อื่น ของอีซามุไซโต้ครับ
คุณไซโต้
เขาได้หยิบยก
ทฤษฎีอัตมโนทัศน์ของนักจิตวิทยาที่ชื่อว่า แชวเวลซัน มาเล่าให้ฟังครับ
โดยคำว่าอัตมโนทัศน์นี้นะครับ
ก็คือ ความสามารถในการรับรู้ ศักยภาพของตนเอง ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน และทัศนคติ
ผ่านการประเมินด้วยตัวของเราเองครับ
อาจจะพูดได้ว่าถ้าใครก็ตามเข้าใจทฤษฎีนี้
ก็จะเป็นคนที่ สามารถเข้าใจตัวเองได้อย่างแท้จริงครับ
สามารถรู้ได้ว่าเราเป็นคนแบบไหน แล้วจะพัฒนาตัวเองให้เป็นในแบบที่เราอยากเป็นได้อย่างไร
ประเด็นก็คือ
การที่จะทำความเข้าใจตัวเอง ด้วยทฤษฎีนี้นะครับ จำเป็นต้องเขียนด้วยนะครับ ดังนั้นคุณผู้อ่านที่อยากจะรู้จักตัวเอง
ก็พอส พอดแคสต์ไว้ก่อนนะครับ
แล้วไปเตรียมปากกาและกระดาษมาให้พร้อม เพราะเดี๋ยวผมต้องถามคำถาม 2-3 คำถามกับคุณผู้อ่านด้วยครับ
โดย
แชลเวลซัน เขาได้วิเคราะห์ลักษณะของมนุษย์เรานะครับ ออกเป็น 4 ด้านด้วยกัน
ได้แก่
อัตมโนทัศน์ทางวิชาการ
อัตมโนทัศน์ทางสังคม
อัตมโนทัศน์ทางอารมณ์
และอัตมโนทัศน์ทางกายภาพครับ
การที่เราจะรู้จักตัวเองได้นะครับ
เราต้องรู้ให้ได้ก่อนครับว่า แต่ละแนวคิดเหล่านี้ มีอิทธิพลกับตัวเรามากน้อยแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่น
สมมุติว่ามีคนชมคุณผู้อ่านนะครับว่า
คุณผู้อ่าน
เล่นกีฬาเก่ง คุณผู้อ่านก็จะคิดว่าตัวเองถนัดเรื่องนั้น
แล้วคุณผู้อ่าน ก็จะเริ่มฝึกฝนเกี่ยวกับสิ่งนั้นให้เก่งมากยิ่งขึ้น อาจจะพูดง่าย ๆ
ได้ว่า เมื่อการยอมรับจากคนรอบข้างเพิ่มมากขึ้น คุณผู้อ่านก็จะยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นนั่นเองครับ
โอเคครับ
ถ้าเตรียมกระดาษและปากกาพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยนะครับ
อันดับแรกนะครับ
ให้คุณผู้อ่าน เขียนจุดเด่นของตัวเองเท่าที่จะนึกออก
ลงไปในกระดาษ ตามหัวข้อที่ผมจะบอกนะครับ
ข้อที่
1
เรียกว่าอัตมโนทัศน์ด้านวิชาการ ครับ
ให้คุณผู้อ่าน
เขียนวิชาที่คุณผู้อ่านถนัด
หรือจุดเด่นเกี่ยวกับการทำงานของผู้ฟัง ว่ามีอะไรบ้าง ลงไปนะครับ
เอาเท่าที่นึกออกครับ
ไม่ต้องซีเรียสกับมันมากนะครับ
ต่อไปข้อที่
2
เรียกว่าอัตมโนทัศน์ด้านสังคม
ให้คุณผู้อ่านเขียนถึงจุดเด่นของคุณผู้อ่าน
ในตอนที่เข้าสังคมนะครับ ว่าคุณผู้อ่าน เป็นคนที่เข้าสังคมเก่งมากน้อยแค่ไหน
ต่อไปข้อที่
3
ครับ อัตมโนทัศน์ด้านอารมณ์
ให้คุณผู้อ่านเขียนถึงจุดเด่นเกี่ยวกับอารมณ์ของคุณผู้อ่านนะครับ
เช่นเป็นคนโกรธง่ายหรือไม่ก็เป็นคนที่ใจดีมาก ๆ อะไรประมาณนั้นนะครับ
ต่อไปข้อสุดท้ายครับ
อัตมโนทัศน์ทางกายภาพ
ให้คุณผู้อ่าน
เขียนถึงจุดเด่นด้านร่างกายของคุณใผู้ฟัง
ก็คือรูปลักษณ์ภายนอกของคุณผู้อ่านเป็นอย่างไร
เช่นเป็นคนตัวสูง
หรือมีรูปร่างอ้วน เป็นต้นนะครับ
เอาละครับ
เมื่อเขียนเสร็จแล้วนะครับ ก็มาฟังการวิเคราะห์กันเลยดีกว่าครับ
โดยเขาบอกว่า
ถ้าคุณผู้อ่านสามารถเขียนอัตมโนทัศน์ด้านวิชาการ
ได้มาก
แสดงว่าเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องวุฒิการศึกษาและการทำงาน
นั่นเองครับ
ถ้าคุณผู้อ่านเขียนอัตมโนทัศน์ด้านสังคมได้มาก
แสดงว่าคุณผู้อ่าน
เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการปฏิสัมพันธ์อย่างมากเลยครับ
ถ้าคุณผู้อ่านเขียนเกี่ยวกับอัตมโนทัศน์ทางอารมณ์มาก
แสดงว่าคุณผู้อ่านให้ความสำคัญต่ออารมณ์มากกว่าเหตุผล
และข้อสุดท้าย
ถ้าคุณผู้อ่านเขียนอัตมโนทัศน์ทางกายภาพมาก แสดงว่าคุณผู้อ่านใส่ใจทักษะด้านกีฬาหรือรูปลักษณ์ภายนอกมากนั่นเองครับ
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้นะครับ
ถ้าคุณผู้อ่านคนไหน รู้สึกว่า
ฉันแทบจะไม่ได้เขียนอะไร ลงไปเลย ใน 4 ข้อ
เพราะฉัน
มองไม่เห็นจุดเด่นของตัวเองเลย
มองเห็นแต่ด้านลบทั้งนั้น ก็อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้ายไปนะครับ
เพราะอัตมโนทัศน์
มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพแวดล้อมอยู่ตลอดเวลาครับ
หรือถ้าจะพูดก็คือ
อัตมโนทัศน์ที่คุณผู้อ่านได้ทำไป นั่นคือตัวคุณผู้อ่านในปัจจุบันนี้นั่นเองครับ
ถ้าคุณผู้อ่านรู้สึกไม่ชอบใจในคำตอบของตัวเอง แล้วอยากจะเปลี่ยนแปลง ก็ให้คุณผู้อ่านนะครับ
วาดภาพอัตมโนทัศน์ที่คุณผู้อ่านต้องการในหัว
วาดภาพว่าตัวเองต่อจากนี้นั้น
อยากจะเป็นแบบไหน และจงหล่อเลี้ยงความรู้สึกนั้น ให้เติบโตขึ้น
จนกลายเป็นตัวของคุณผู้อ่าน
ในแบบที่คุณผู้อ่านอยากเป็นให้ได้ครับ
แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง
ถ้าคุณผู้อ่านกลับมาทำแบบทดสอบอันนี้อีกครั้ง รับรองได้เลยครับว่า คุณผู้อ่านจะพึงพอใจกับคำตอบของตัวเองอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น