บทความ เก้าอี้ดนตรีสื่อรัก
วันนี้เอาบทความสั้น ๆ นะครับ ฟังสบาย ๆ จากเพจสายลมแห่งชีวิต เจ้าเก่าเจ้าเดิม มาฝากกันอีกแล้วนะครับ
โดยเรื่องราวที่จะเล่าให้ฟังวันนี้นะครับ
เป็นเรื่องราวความรักกุ๊กกิ๊กนะครับ ที่อาจจะทำให้มุมมองการจีบสาวของคุณผุ้ฟังบางคน
เปลี่ยนไปตลอดกาลเลยก็ว่าได้
เป็นเรื่องราวของผู้เขียนครับ สมัยตอนที่เขากำลังเรียนมหาลัยอยู่
เขาได้มีโอกาสไปเข้าค่ายจริยธรรม ครับ
ซึ่งการเข้าค่ายครั้งนี้ มันก็มีนักศึกษาจากหลายคณะนะครับ
เข้าค่ายครั้งนี้ด้วย
ก็ตามสไตล์ของการเข้าค่ายจริยธรรมทั่วไปนะครับ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นเกี่ยวกับ
เรื่องของการฟังเทศน์ฟังธรรม และก็ ระหว่างการเข้าค่ายนะครับ
ก็จะมีการแบ่งกลุ่มด้วย เพื่อที่จะได้ร่วมกิจกรรม เล่นเกมส์ตามฐานต่าง ๆ
ระหว่างที่ผู้เขียนกำลังสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนอยู่นะครับเขาก็ได้สังเกตเห็นว่า
กลุ่มที่หมายเลขใกล้ ๆ กับเขานะครับได้มีนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่งครับ ที่น่ารักมาก
ๆ ตรงสเปคของเขาแบบสุด ๆ
เรียกได้ว่าสำหรับผู้เขียนแล้ว การเข้าค่ายครั้งนี้ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
และแน่นอนครับว่า ความลับไม่มีในโลก ไม่ช้าเพื่อน ๆ ของผู้เขียน
ก็เริ่มรู้ตัวครับว่า ผู้เขียนนั้นกำลังชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่
ตลอดการเข้าค่าย 3 วัน 2 คืนนะครับ ผู้เขียนก็ได้แอบมองเธอคนนั้นอยู่ตลอด
และยิ่งมองเธอมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นเท่านั้นครับ
จนในที่สุดครับ ผู้เขียนจึงตัดสินใจ
คิดที่จะเข้าไปคุยกับเธอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะครับ
แต่น่าเสียดายครับ ที่โดนวิทยากรขัดจังหวะ โดยให้นักศึกษาทุกคนนะครับ
รวมเล่นเกมสุดท้ายเพื่อชิงรางวัลใหญ่ครับ นั่นคือกลุ่มที่ชนะจะได้กิน KFC เป็นมื้อเย็นเพียงกลุ่มเดียว
และเกมสุดท้ายที่ว่า นั้นก็คือ เกมเก็าอี้ดนตรีครับ
กติกาสากลของเกมเก็าอี้ดนตรีนะครับ ก็คือ การตั้งเก็าอี้ล้อมเป็นวงกลมครับ
โดยให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันมีจำนวนมากกว่าเก็าอี้ 1 คน
เมื่อเสียงเพลงดังขึ้นนะครับ ทุกคนก็จะต้องเดิน หรือเต้นรอบเก็าอี้ไปเรื่อย
ๆ ครับ และเมื่อเสียงเพลงหยุดลง ทุกคนจะต้องนั่งลงบนเก็าอี้ให้จงได้
และแน่นอนครับว่าจะมี 1 คนที่นั่งไม่ทัน ไม่มีเก็าอี้ให้นั่ง
คนคนนั้นก็จะต้องถูกคัดออก
รอบต่อไปก็เอาเก็าอี้ออก 1 ตัวอีกนะครับ ก็ทำแบบนั้นวนไปเรื่อย ๆ ครับ
จนเหลือเก็าอี้เพียงแค่ตัวเดียว และเหลือผู้แข่งขันเพียงแค่สองคน
ทั้งคู่ก็จะต้องแข่งกันว่า ใครจะได้เก็าอี้ตัวสุดท้ายไป และผู้ที่ได้เก็าอี้ตัวสุดท้ายก็จะเป็นผู้ชนะครับ
ผู้เขียนเล่าให้ฟังว่า เขาก็เล่นเกมเก็าอี้ดนตรีไปแบบปกติครับ
แต่ไม่รู้ว่าด้วยความฟลุ๊ค หรืออะไรนะครับ
ทำให้ผู้เขียน ผ่านเข้าไปรอบแล้วรอบเล่า
จนในที่สุดครับ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วครับ นั่นก็คือ ผู้เขียนนั้น ได้ผ่านมาถึงรอบสุดท้ายครับ
ต้องแย่งเก็าอี้ตัวสุดท้าย กับเพื่อนรวมการเข้าค่ายคนหนึ่ง
ที่มันพีค ก็คือเพื่อนคนนั้นนะครับ ก็ดันเป็นผู้หญิงที่
ตัวผู้เขียน แอบมองมาตลอดการเข้าค่ายครั้งนี้ด้วยครับ
เขาจะต้องแข่งแย่งเก็าอี้ตัวสุดท้ายกับผู้หญิงที่เขาแอบชอบมาตลอด 3 วัน 2 คืน
ผู้เขียนอธิบายให้ฟังว่า ก่อนที่เพลงจะเริ่มขึ้น
เขาได้คิดในหัวเยอะมาก ๆ ครับ ว่าจะทำยังไงดี จะยอมแพ้ให้เธอชนะไปเลยดี
หรือว่าจะเล่นไปตามปกติดี
แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากครับ ไม่ทันไร เสียงดนตรีก็ดังขึ้น ผู้เขียนและผู้หญิงคนนั้น
ต่างต้องเดินรอบเก็าอี้ อย่างละมัดละวัง เพราะว่าเราไม่มีทางรู้ได้เลยครับว่า
เพลงมันจะจบลงเมื่อไหร่
ผู้เขียนบอกว่า ในหัวของผู้เขียนตอนนั้น กำลังสับสนมาก ว่าจะเอายังไงดี
แต่ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจ เพลงก็หยุดลงซะงั้น ด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรก็ไม่ทราบได้
นะครับ
ผู้เขียนบอกว่าเขา พุ่งตัวไปที่เก็าอี้อย่างลืมตัวเลยครับ
แต่เป็นที่น่าเสียดายผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ย่อมไวกว่าอยู่แล้ว
ทำให้ผู้เขียน กระแทกผู้หญิงคนนั้นนะครับ ตกเก็าอี้ไปอย่างรุนแรง
และกลายเป็นผู้ชนะการแข่งขันในคืนนั้นไปในที่สุดครับ แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นนะครับ
ทั้งเจ็บทั้งอาย แล้วเพื่อน ๆ นะครับ ก็หัวเราะกันใหญ่เลย
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปนะครับ ผู้เขียนก็คิดในใจครับว่า
คงไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยกับเธออีกแล้วนะครับ เพราะว่านอกจากจะไม่ทําให้เธอประทับใจแล้ว
ตอนท้ายยังทำเธอเจ็บตัวอีกด้วย
หลังจากนั้นการเข้าค่ายก็จบลงนะครับ ผู้เขียนเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งระหว่างที่ผู้เขียนกำลังเดินอยู่ในมหาลัยนะครับ
เขาก็ได้เดินมาเจอกับเธอคนนั้นโดยบังเอิญครับ ตอนแรกนะครับ ผู้เขียนคิดว่า ผู้หญิงคนนี้คงจำเขาไม่ได้
ก็แค่เดินสวนกัน ให้ผ่านไป ๆ
แต่ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นนะครับ
กลายเป็นฝ่ายที่เข้ามาทักทายผู้เขียนด้วยตัวเองครับ
เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนนะครับ ปลาดใจมาก เขาถึงถามกับเธอครับว่า
ทำไมถึงจำเขาได้ ผู้หญิงคนนั้นนะครับ จึงบอกว่า เล่นกระแทกจนทำให้เขาทั้งเจ็บทั้งอายขนาดนั้นใครมันจะไปลืมลง
หลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มทำความรู้จักกันครับ แล้วก็ได้กลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด
เพราะว่าผู้หญิงคนนี้มีแฟนอยู่แล้วนะครับ
จากเหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดนะครับ ทำให้ผู้เขียนสรุปได้ว่า บางครั้งนะครับ
การที่เราอยากทำความรู้จักกับใคร
ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแบบสุภาพบุรุษเท่านั้น
การเข้าไปแบบเป็นตัวของตัวเอง ก็ได้ผลเช่นกัน เพราะบางทีแล้ว ถ้าวันนั้นเขาเลือกที่จะเข้าไปแบบสุภาพบุรุษ
ผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่คุยกับเขาเลยก็ได้
ดังนั้นคุณผู้อ่านคนไหนนะครับ หากตอนนี้กำลังแอบชอบใครอยู่
แล้วกำลังคิดมากว่า เราจะเข้าไปหาเขาในแบบไหนดี เขาถึงจะประทับใจมากที่สุด
ลองเข้าไปแบบธรรมชาติ เข้าไปแบบเป็นตัวของเราเองดูสิครับ
อาจจะทำให้เธอประทับใจมากกว่าการแสร้งทำเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราก็ได้นะครับ
สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ
จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม พอดแคสต์
ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น