บทความ วิธีปราบตัวขี้เกียจ
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์นะครับ
ในการจัดการกับความขี้เกียจ วิธีการกำราบมันให้อยู่หมัดทำอย่างไรนะครับ
ก่อนอื่นต้องขอท้าวความก่อนครับว่าผม
เป็นคนที่ขี้เกียจมาก ๆ เลยครับ ยิ่งสมัยตอนเด็ก
ๆ ขี้เกียจอย่าบอกใครเลยครับ
เกมโปรดนะครับ
ที่ผมมักจะ ชอบชวนน้อง ๆ เล่นในตอนเที่ยง ก็คือเกมนอนหลับตาครับ ใครลืมตาก่อนถือว่าแพ้
ซึ่งก็เป็นเกมที่ ก็ไม่ค่อยมีใครอยากเล่นสักเท่าไหร่นะครับ มีผม ชอบเล่นอยู่คนเดียว
ซึ่งก็มีอยู่ครั้งนึงครับ
ที่ผมเคยวิเคราะห์ตัวเองนะครับว่าทำไมผมถึงเป็นคนที่ขี้เกียจได้ขนาดนี้
ก็ได้ข้อสรุปแบบนี้ครับว่า
จริง ๆ แล้วผมไม่ได้เป็นคนขี้เกียจนะครับ คุณผู้อ่าน พอผมลองคิดดูดี ๆ แล้ว ผมขี้เกียจจริงครับ
แต่ว่าไม่ได้ขี้เกียจกับทุกเรื่อง
อย่างเช่นเวลาที่ผมจะได้เล่นเกมนะครับ
ผมก็ไม่เคยพูดว่าขี้เกียจเล่นเกมจังเลย แม้แต่ครั้งเดียว
หรือเวลาพ่อแม่ชวนออกไปกินของอร่อย
ๆ ผมก็ไม่เคยพูดว่าขี้เกียจกินจังเลยสักครั้ง
เวลาไปโรงเรียนก็เหมือนกันครับ
ปกติผมจะขี้เกียจมาก ๆ เลย แต่พอผมมีสาวที่ชอบแล้ว ผมไม่เคยขี้เกียจตื่นเช้าไปโรงเรียนอีกเลยนะครับ
ดูเหมือนว่าจริง
ๆ แล้วกิจกรรมในชีวิตประจำวันของผม ครับ
มันก็มีทั้งเรื่องที่ทำให้ผมขี้เกียจทำมันแบบสุด
ๆ แต่กลับบางเรื่อง ผมก็ไม่เคยขี้เกียจที่จะทำมันเลยนะครับ
ผมจึงได้ข้อสรุปแบบนี้ครับ
คุณผู้อ่าน จริง ๆ แล้ว
คนเรานะครับ
ขี้เกียจในเรื่องที่เรา ไม่อยากทำครับ
และเรา
จะขยันในเรื่องที่เราอยากทำเสมอครับ
อย่างเช่นการอ่านหนังสือเรียนนะครับ
แน่นอนว่าเราทุกคนรู้ดีครับว่า มันส่งผลดีกับตัวเรามากแค่ไหน
ถ้าเราอ่านหนังสือเรียนจนเข้าใจ ทำการบ้านจนเสร็จ
ชีวิตวัยเรียนของเราก็จะสุขสบายมาก ๆ นะครับ เพราะว่าไม่ต้องกังวลเรื่องของการสอบ ไม่ต้องกังวลในวันที่เกรดออก
แต่เชื่อไหมครับ
ไม่ว่าปลายทางของมันจะดีสักแค่ไหน แต่ถ้าหากต้นทางของมัน
เป็นสิ่งที่เราไม่อยากทำแล้ว เราก็ขี้เกียจที่จะทำมันอยู่ที่นั่นล่ะครับ
แต่ถึงจะพูดแบบนั้นล่ะครับ
คุณผู้อ่านก็ทราบดีใช่ไหมครับว่า
เราจะเลือกขยัน
แค่เฉพาะในเรื่องที่เรา
อยากขยันไม่ได้หรอกนะครับ
มีหลายเรื่องในชีวิตครับที่เรารู้อยู่เต็มอกครับ
ว่า
มันดีกับตัวเรามากแค่ไหน ถ้าเราไม่ทำมันมัวแต่ขี้เกียจ เราอาจจะสูญเสียเวลาอันมีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์ก็ได้นะครับ
วันนี้ผมก็เลยจะมาแชร์นะครับ
เทคนิคที่ผมใช้นะครับในการจัดการกับความขี้เกียจ
ซึ่งก็ไม่การันตีหรอกนะครับว่ามันจะใช้ได้ผล 100% หรือเปล่า
แต่ก็ลองฟังดูก่อนได้ครับ
ข้อที่
1 ก็คือหาสิ่งที่ชอบหรือสร้างสิ่งที่ชอบ
ในสิ่งที่เราขี้เกียจทำขึ้นมาครับ
อย่างที่ผมเกริ่นนำไปแล้วนะครับว่า
ผมเป็นคนที่ขี้เกียจไปโรงเรียนมาก ๆ แต่พอวันนึง ผมเกิดมีสาวที่ชอบขึ้นมา การไปโรงเรียนก็กลายเป็นสิ่งที่ผมกระตือรือร้น
ขึ้นมาในทันทีครับ
อาจจะพูดแบบนี้ก็ได้ครับว่า
เราต้องหาสิ่งที่เราชอบในกิจกรรมที่เราทำให้เจอครับ ยกตัวอย่างเช่น การออกกำลังกาย
ถึงมันจะส่งผลดีกับร่างกายของเรามากแค่ไหนนะครับ แต่การต้องออกกำลังกาย
และก็ทำให้ร่างกายของเรา เหนื่อยทุกวัน มันก็น่าเบื่อสำหรับบางคนใช่ไหมครับ แต่ถ้าเราออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬา
มันก็จะเริ่มสนุกขึ้นแล้วใช่ไหมครับ เพราะว่านอกจากจะสนุกแล้ว เรายังได้เล่นกับเพื่อนอีกด้วย
ข้อที่
2 หาตัวช่วยที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งที่เราขี้เกียจทำให้เจอ
อย่างเช่นเรื่องของการทำการบ้านครับ
เรียนมาทั้งวันแล้วนะครับ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
ถ้าจะต้องทำการบ้านหลังเลิกเรียนอีก คงจะน่าเบื่อสุด ๆ ไปเลยครับ
แล้วก็เหตุผลสำคัญนะครับ ที่สมัยก่อน ผมเป็นคนที่ไม่ชอบทำการบ้านนะครับ
นั่นก็เพราะว่า บางที มันไม่เข้าใจครับ
ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง จำที่ครูสอนก็ไม่ค่อยได้ แถมกลับมาที่บ้านแล้ว ก็ไม่รู้จะถามใครนะครับ ถ้าไม่เข้าใจ
ผมก็เลยแก้ไขด้วยวิธีการนี้ครับ
พออาจารย์สั่งการบ้านปุ๊บ ผมก็หาเวลาทำการบ้านให้เสร็จตั้งแต่ที่โรงเรียนเลยครับ
เพราะว่าข้อดีของมันก็คือ เรายังจำสิ่งที่อาจารย์สอนในคาบเรียนได้อยู่ครับ
แล้วก็ข้อที่ 2 ถ้าเราไม่เข้าใจนะครับ
เราอาจจะไปถามกับคุณครูที่สอน หรือไม่ก็ถามกับเพื่อน ๆ ที่เรียนเก่งก็ได้ครับ
ซึ่งนั่นจะทำให้การบ้านของเราเสร็จไวขึ้นนะครับ แล้วมันจะทำให้เรา ไม่ต้องมานั่งขี้เกียจทำในเวลาที่เราไม่อยากทำด้วยครับ
แล้วก็วิธีสุดท้ายนะครับ
นั่นก็คือ ให้เรานะครับสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เราพร้อมที่จะขยันครับ
ก็คือการที่เรา ต้องตัดสิ่งรบกวนนะครับ
สิ่งที่ทำลายสมาธิ ออกไปให้หมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นทีวี มือถือ หรือเสียงรบกวนต่าง
ๆ รวมถึงความรกนะครับ
และกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ด้วยนะครับ ตัดออกไปให้หมด
เพราะว่าบางครั้ง
เราก็จำใจที่จะต้องทำในสิ่งที่เราไม่ได้อยากทำจริง
ๆ นั้นล่ะครับ แม้ว่าเราจะขี้เกียจแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็หาวิธีหลีกเลี่ยง ในการทำสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เลย
ดังนั้นวิธีเดียวที่จะช่วยเราได้ครับ
นั่นก็คือเราต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่จะทำให้เรา ขยันขึ้นมาครับ
ทุกอย่างบนโลกใบนี้มันมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการอยู่ครับ
อย่างเช่นต้นมะพร้าวที่อยู่ริมชายหาดถ้าไปปลูกในทะเลทรายมันก็จะตายถูกไหมครับ
ถ้าอย่างนั้น
หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่บีบให้เรากลายเป็นคนขยัน
ความขี้เกียจมันก็อยู่ไม่ได้หรอกครับเดี๋ยวมันก็ตาย
ก็ลองนำทั้ง
3เทคนิคที่ผมแนะนำไปใช้ดูนะครับ
เพราะว่าส่วนตัวผมได้ทดลองทำด้วยตัวเองมาแล้วนะครับ
แล้วก็ใช้ได้ผลดีเลยทีเดียว
ข้อที่
1 ก็คือหาสิ่งที่ชอบหรือสร้างสิ่งที่ชอบ
ในสิ่งที่เราขี้เกียจทำขึ้นมาครับ
ข้อที่
2 หาตัวช่วยที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งที่เราขี้เกียจทำให้เจอ
และข้อที่
3 ครับ
สร้างสภาพแวดล้อมที่จะช่วยทำให้เราไม่ขี้เกียจครับ
สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ
จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม พอดแคสต์
ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น