บทความ วิธีขอความช่วยเหลือ
มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้เดินผ่านมาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งครับ
เขาได้พบเจอกับคุณลุงท่านหนึ่ง ที่กำลังนั่งอยู่บนถนนสีหน้าของคุณลงทุกข์ระทมเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามครับว่า
เกิดอะไรขึ้น คุณลุงจึงเล่าให้ฟังว่า
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพายุได้พัดมาที่หมู่บ้านแห่งนี้และได้ทำลายบ้านของลุงจนพังพินาศย่อยยับ
ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่มีที่อยู่อาศัย และเพราะว่าเขาแก่มากแล้ว
เขาจึงไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะสร้างบ้านขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อชายหนุ่มฟังจนจบเขาก็เดินจากไป
แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา เขาก็เดินกลับมาพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนมาก
ชายหนุ่มและกลุ่มคนเหล่านั้นได้ช่วยกันสร้างบ้านให้กับคุณลุง
คุณลุงจึงเข้าไปขอบ
อกขอบใจชายหนุ่ม ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นมาว่า ไม่เป็นไรครับ ปัญหาบางอย่างเราไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวคนเดียวเหรอครับ
เราต้องช่วยกันครับ ถ้าคุณลุงมีปัญหาอะไร ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นนะครับ
นิทานสั้น ๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ครับว่า
ถึงแม้เราจะเก่งสักแค่ไหน แต่บางครั้ง
เราก็อาจจะแก้ปัญหาบางปัญหาด้วยตัวคนเดียวไม่ได้นะครับ มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์ถึง
ต้องอาศัยอยู่รวมตัวกัน ก็เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือกันในยามที่เดือดร้อนไงครับ
พูดถึงประเด็นของการขอความช่วยเหลือนะครับ
สำหรับบางคน อาจจะเป็นเรื่องง่ายครับ
แต่กับบางคน อาจจะเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับพวกเขา
คุณผู้อ่านเคยสังเกตไหมครับว่า กับบางคน เวลาไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
มักจะไม่ค่อยมีใครอยากช่วย แต่กับบางคน เวลาขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นทีไรนะครับ
มีแต่คนช่วยเขาอยู่เสมอเลย
ซึ่งถ้าเกิดจะมองภาพรวมนะครับ
ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า
คนที่ใคร ๆ ก็อยากจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
มักจะเป็นคนดี
มีน้ำใจครับ และคอยช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ
ในขณะที่คนที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะช่วยนะครับ ก็จะเป็นคนที่มีนิสัยตรงกันข้าม
แต่ความจริงแล้วมันไม่เสมอไปเหรอกนะครับ
การที่เราขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นแล้วเขาไม่ยอมช่วยเรา บางทีอาจจะเกิดจากการที่เราใช้วิธีการขอความช่วยเหลือที่ไม่ถูกต้องก็ได้ครับ
วันนี้ผมจึงอยากจะนำวิธีการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อเรามีปัญหานะครับ
มาแชร์ให้กับ คุณผู้อ่านได้ฟังกัน ลองมาฟังกันดูนะครับ
ข้อที่ 1 ครับ
เมื่อเรามีปัญหาและต้องการจะขอความช่วยเหลือจากใครก็ตาม ให้เราขอให้เร็วที่สุดครับ
อย่าปล่อยให้ผ่านไปนาน อย่าปล่อยให้ดินพอกหางหมูนะครับ
เพราะว่าการปล่อยให้ปัญหามันหมักหมมอยู่นาน
จากปัญหาเล็ก ๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นก็ได้ครับ
แล้วถ้าเป็นแบบนั้น
คนที่จะช่วยเขาก็ลำบากใจนะครับเพราะบางทีเขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้ยังไงเหมือนกัน
บางทีปัญหามันอาจจะยุ่งยากซับซ้อน เกินกว่าที่เขาจะช่วยไหว
ซึ่งก็เคยมีรุ่นน้องคนนึงครับ
ได้เคยมาขอความช่วยเหลือจากผมแบบนี้เหมือนกัน
แต่กว่าเขาจะมาสารภาพบอกว่าตัวเองเป็นหนี้นะครับ จำนวนเงินที่เขาติดหนี้อยู่ ก็เยอะเกินกว่าที่จะช่วยไหวแล้วครับ
ซึ่งถ้าเขามาบอกตั้งแต่ตอนเป็นหนี้น้อย
ๆ เรื่องนี้ก็คงจะจบแบบ Happy Ending ก็ได้
ดังนั้นนะครับ
หาก คุณผู้อ่านมีปัญหา และ คุณผู้อ่านมั่นใจแล้วว่า คุณผู้อ่านไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้นะครับ
จงขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นให้เร็วที่สุดครับ
ต่อไปข้อที่ 2 นะครับ
เวลา คุณผู้อ่านจะขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่ต้องอ้อมค้อมนะครับ ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้า
อย่าพูดวกไปวนมาให้เสียเวลาครับ
ให้พูดตรง ๆ เข้าประเด็นเลย
ถ้าเขาจะช่วยเขาก็จะช่วยครับ
แต่ถ้าเขาไม่คิดจะช่วย ต่อให้พูดวนไป เขาก็ไม่ช่วยอยู่ดีนั่นแหละครับ
อีกอย่างนึงคือการรีบบอก
รีบเข้าประเด็น จะทำให้
ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่ายอีกด้วยครับ
ต่อไปข้อที่ 3 ครับ
คุณผู้อ่านต้องอย่าลืมแสดงให้เขาเห็นด้วยนะครับว่า
คุณผู้อ่าน ได้พยายามด้วยตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว
เพราะว่า
ถ้ามีปัญหาแล้วเราไม่ลองจัดการด้วยตัวเองดูก่อนนะครับ เอ่ะอะ
ก็หวังแต่จะพึ่งพาคนอื่น บอกตรง ๆ เลยนะครับว่า แบบนี้มันไม่น่าช่วยเลยสักนิดเดียว
บางคนนะครับ แสดงพฤติกรรมให้เห็นอย่างชัดเจนครับว่าไม่ได้มีความพยายามที่จะจัดการกับปัญหาเลยแม้แต่น้อยเล่นงอมืองอเท้ามาขอความช่วยเหลือโดยตรงในทันทีแบบนี้คนส่วนใหญ่ก็ไม่อยากช่วยเหรอกนะครับ
ข้อที่ 4 ข้อสุดท้ายครับ
เมื่อมีคนช่วยเหลือเรานะครับ แล้วเราสามารถผ่านปัญหานั้นไปได้แล้ว
อย่าลืมที่จะนำปัญหานั้นมาเป็นบทเรียนครับ
เพื่อที่จะไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก
เพราะบางคน ช่วยแล้วช่วยอีก ปัญหาก็ยังวนอยู่แต่เรื่องเดิม
ๆ ครับ แบบนี้คนส่วนใหญ่เขาก็ไม่อยากช่วยเรานะครับ เพราะเขารู้แล้วว่า
ช่วยไปก็เท่านั้น คนคนนี้ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยได้บทเรียนอะไรเลย
ดังนั้นเมื่อผ่านปัญหาต่าง
ๆ ไปได้แล้ว เราต้องไม่ทำผิดซ้ำซาก นะครับ และที่สำคัญ
เราควรที่จะแสดงความขอบคุณแก่ผู้ที่ช่วยเหลือเรา อย่างจริงใจด้วยนะครับ
สุดท้ายนี้ผมอยากจะฝากบอกไปนะครับว่า
การที่ชีวิตเราจะพบเจอกับปัญหาที่เราไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้นะครับ
มันเป็นเรื่องที่ปกติมากครับ และการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลยสักนิด
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า
ในวันที่เราไม่มีปัญหา ในวันที่เรามีความสุข ติดต่อคนเหล่านั้นบ้างหรือเปล่า
เราเคยสนใจคนเหล่านั้นบ้างไหม
เพราะบางคน ในตอนที่มีความสุขนะครับ
ร้อยวันพันปีไม่เคยติดต่อ ไม่เคยโทรหาเลยครับ จะนึกถึงคนอื่น
ก็เฉพาะแค่ตอนที่ตัวเอง
เดือดร้อนเท่านั้น แบบนี้ก็คงไม่มีใครอยากช่วยอย่างแน่นอนครับ
เอาใจเขามาใส่ใจเรานะครับ
หัดทำดีกับผู้อื่นบ้าง ในยามที่เราสุขสบาย
ไม่ได้ทำดีเพื่อหวังว่าอนาคตจะไปขอความช่วยเหลือเขา
แต่ทำดีเพราะว่ามันคือสิ่งที่มิตรสหายและคนที่รู้สึกดี ๆ ต่อกัน
ควรกระทำแก่กันครับ
สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ
จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม พอดแคสต์
ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น