บทความ ความแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว
ความแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว
วันนี้อยากจะมาชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องสภาวะของความล้มเหลวครับ
ซึ่งผมเคยพูดเรื่องนี้ไว้นะครับ ในบทความของผมเมื่อนานมาแล้ว
อย่างที่
คุณผู้อ่านทราบดีครับว่า คนเราทุกคน ไม่มีใครเหรอกครับ ที่ไม่เคยล้มเหลว
เราทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาด ล้วนเคยผิดหวังมากันทั้งนั้น
แต่ว่าคนที่ประสบความสำเร็จ
คือคนที่มักจะลุกขึ้นสู้กับปัญหาครับ
ถึงแม้พวกเขาจะล้มเหลวสักกี่ครั้งก็ตาม แต่พวกเขา ก็ยังคงไม่ถอดใจครับ
ยังคงอดทนและพยายามก้าวข้ามผ่านความล้มเหลวไปให้ได้
ซึ่งเรื่องราวความพยายามนับครั้งไม่ถ้วนเหล่านั้นนะครับ
มักจะถูกถ่ายทอดในชีวประวัติ ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเสมอครับ
พวกเขามักจะบอกให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดนะครับเรียนรู้จากความล้มเหลว
ให้นำสิ่งเหล่านั้นเป็นบทเรียนครับ และให้เติบโตขึ้นเพื่อที่จะได้ก้าวเดินต่อไป
แต่ คุณผู้อ่านทราบไหมครับว่า
จริง ๆ แล้ว มันยังมีคนอีกประเภทหนึ่งนะครับ ที่พวกเขา ไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้
เพราะพวกเขานะครับ เลือกที่จะหลอกตัวเองครับว่า ฉันไม่ได้ล้มเหลว
ผมสังเกตสภาวะนี้มานานแล้วครับ
เพราะว่า ผมรู้สึกว่าคนรอบตัวผมหลายคนนะครับ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
นั่นก็คือพวกเขา จะหลอกตัวเองอยู่เสมอครับว่า ฉันไม่ได้กำลังล้มเหลว
และแน่นอนครับว่า
เมื่อพวกเขาไม่ได้ล้มเหลว พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะได้บทเรียนอะไรเลยนะครับ
จากสิ่งที่พวกเขาได้เจอ
คุณผู้อ่านมาเช็คตัวเองกันดีกว่าครับว่า ตอนนี้ คุณผู้อ่านอยู่ในสภาวะที่ผมกำลังจะบอกหรือเปล่า
เพราะว่าถ้าใช้ ก็อยากจะให้เปลี่ยนรูปแบบวิธีคิดให้เร็วที่สุดเลยนะครับ
เพราะจากประสบการณ์แล้ว มันไม่ส่งผลดีกับชีวิตของคุณฟังอย่างแน่นอน
สภาวะที่ 1 นะครับ
ผมเรียกมันว่า การหนีปัญหาโดยไม่รู้ตัวครับ ผมสังเกตพบสภาวะนี้นะครับ
ตั้งแต่สมัยตอนที่เรียนอยู่มัธยมแล้วนะครับ คือเวลาเราทำอะไรไม่เก่งนะครับ
ถ้าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ถ้าพวกเขาทำอะไรไม่เก่งนะครับ พวกเขาก็จะพยายามฝึกฝนตัวเองจนกว่าจะเก่งครับ
ในขณะที่คนล้มเหลวนะครับ
เวลาพวกเขาเจออะไรที่พวกเขาไม่เก่ง พวกเขาจะหนีโดยทันทีครับ
ยกตัวอย่างเช่น
เด็กที่เรียนภาษาอังกฤษไม่เก่งนะครับ
ถ้าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ
เมื่อพวกเขารู้ตัวว่าพวกเขาไม่เก่งนะครับ
พวกเขาจะฝึกฝนเพิ่มเติมครับ พยายามเรียนให้มากขึ้น ขยันให้มากขึ้น นะครับ
ในขณะที่คนที่ล้มเหลว
ถ้าพวกเขารู้ตัวแล้วนะครับว่าพวกเขาไม่เก่งวิชาภาษาอังกฤษ
พวกเขาจะหนีจากภาษาอังกฤษในทันทีครับ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อถึงวิชาภาษาอังกฤษ ก็ไม่อยากจะเข้าเรียน เวลาเข้าเรียนก็ภาวนาอยากให้หมดคาบไปเร็ว ๆ เพราะว่าไม่อยากเรียน นะครับ
เวลาเจออะไรที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ
ก็จะวิ่งหนีหรือว่าพยายามหลบเลี่ยงในทันที
ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้นะครับ
มันจะทำให้เรา ไม่มีทางที่จะเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาได้เลย นะครับ
จากการสังเกตของผมนะครับ
ผมพบว่า คนที่ไม่ประสบความสำเร็จแล้วหนีปัญหาแบบนี้นะครับ เมื่อเวลาผ่านไปสภาพจิตใจของพวกเขา
มากจะเปราะบางครับ และต้องการสิ่งยึดเหนี่ยว พวกเขามักจะไปหากิจกรรมอย่างอื่นนะครับ
ที่พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาทำได้ดี
เพื่อที่จะนำมาทดแทนกับสิ่งที่พวกเขาไม่เก่งนะครับ
ผมยกตัวอย่างเช่น
ถ้าพวกเขา รู้ตัวว่าพวกเขาไม่เก่งภาษาอังกฤษนะครับ พวกเขาจะไม่พยายามเรียนภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นเหรอกครับ
แต่พวกเขา จะไปหางานอื่นที่พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาทำได้ดี
มาทำแทนครับ บางคนก็อาจจะหนีไปติดเกม บางคนก็อาจจะหนีไปเล่นกีฬา เป็นต้นนะครับ
ซึ่งแน่นอนครับว่า
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะหนีไปไหน หากสิ่งที่เรากำลังหนีนะครับ
มันเป็นสิ่งที่ยังไงเราก็ต้องเจอ การไปฝึกฝนเพื่อให้ตัวเองเก่งในสิ่งอื่นแทน
มันก็ทดแทนกันไม่ได้เหรอกนะครับ
ดังนั้นการหนีปัญหาแบบนี้
มันจะยิ่งทำให้เราเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ครับ
แล้วสุดท้ายวันหนึ่ง เราก็จะรู้สึกเสียใจนะครับ
ที่เราไม่เก่งในสิ่งที่ควรจะเก่งสักที
ต่อไปสภาวะที่ 2 ครับ
ผมตั้งชื่อให้มันว่า การหลอกตัวเองโดยสมบูรณ์ครับ
คือจะมีคนอีกบางจำพวกครับ
ที่เขามักจะพยายามทำบางสิ่งบางอย่างอย่างเต็มที่ครับ
แต่เมื่อเขารู้สึกว่ามันไม่สำเร็จ มันกำลังจะล้มเหลวนะครับ
พวกเขาก็จะใช้วิธีการหลอกตัวเองครับว่า พวกเขาไม่ได้ล้มเหลว
ผมขอยกตัวอย่างของคนรู้จักคนหนึ่งครับ
ซึ่งเขาเป็นคนที่เขียนบทความออนไลน์พร้อม ๆ กับผมนะครับ
โดยตอนที่เขาเริ่มทำใหม่
ๆ เขามีความขยันและพยายามทำบล็อคของตัวเองอย่างมากเลยครับ
แล้วเขามักจะพูดกับผมเสมอครับว่า เป้าหมายของเขา คือการทำให้บล็อกของเขานะครับ ติดอันดับ Top ของเว็บไซต์ให้ได้ครับ
แต่ปรากฏว่าเมื่อเวลาผ่านไปนะครับ
ดูเหมือนกับว่าเว็บบล็อกของเขา จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรนะครับ
ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่ค่อยมีคนเข้ามาอ่านเลย
แล้วเมื่อเวลาผ่านไป
เมื่อเราได้กลับมาคุยกันอีกครั้งนะครับ เขากลับบอกกับผมว่า
ที่เขาเขียนบล็อกทุกวันนี้นะครับ เขาแค่เขียนเล่น ๆ ฆ่าเวลาครับ ไม่ได้จริงจังอะไรกับมันมาก
จะมีคนอ่านหรือไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไร
เมื่อผมได้ฟังคำตอบนะครับ
ผมก็รู้เลยว่าตอนนี้ เขากำลังหลอกตัวเองอยู่นะครับ
เพราะจริง ๆ แล้วการที่เขาลุกขึ้นมาเขียนบล็อกอย่างจริงจัง
ก็เผื่ออยากจะให้ตัวเองประสบความสำเร็จให้ได้นะครับ
แต่เมื่อมันไม่สำเร็จ มันทำไม่ได้นะครับ แทนที่เขาจะยอมรับว่า ตัวเขา ล้มเหลว เขากลับเลือกที่จะหลอกตัวเองว่า
ตัวเองนั้น ไม่ได้ล้มเหลว เพียงแต่ตัวเองนั้น
ไม่ได้ต้องการความสำเร็จตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ครับ
ซึ่งด้วยแนวคิดที่พยายามหลอกตัวเองว่า
ฉันไม่ได้ล้มเหลว ฉันไม่ได้ต้องการความสำเร็จ แบบนี้ล่ะครับ ที่ทำให้วันหนึ่ง
เขาก็ได้กลับมาพูดคุยกับผมนะครับ แล้วก็เล่าให้ฟังว่า เขารู้สึกเสียดายเวลามากครับ
ไม่รู้ว่า ทำไมถึงมัวเขียนบล็อกอยู่ได้ตั้งนาน
ซึ่งผมคิดว่านะครับ
ถ้าในวันนั้น เขาไม่หลอกตัวเองนะครับ
และยอมรับว่าตัวเอง ล้มเหลวแล้ว
เขาก็คงจะไม่ต้องมาบ่นว่าเสียเวลาอยู่แบบนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้น
คุณผู้อ่านก็ลองถามตัวเองดูให้ดี ๆ นะครับว่า ตอนนี้ คุณผู้อ่านอยู่ใน 2 สภาวะนี้อยู่หรือเปล่า
คุณผู้อ่านกำลังหนีกับสิ่งที่หนีไม่ได้อยู่หรือเปล่า
หรือผู้ฟังกำลังหลอกตัวเองว่าฉันไม่ได้ล้มเหลวอยู่หรือเปล่า
เพราะความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนะครับคนที่ประสบความสำเร็จทุกคนล้มเหลวกันมาแล้วทั้งนั้น
ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องหนีจากคำว่าล้มเหลว
ถ้าเราไม่ยอมรับว่าตัวเรานั้นเคยล้มเหลว เราก็ไม่มีทางได้ชื่อว่า
เป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอนครับ
ความล้มเหลวไม่น่ากลัวเท่ากับการเสียเวลากลัวความล้มเหลวเหรอกนะครับ
หวังว่าบทความวันนี้จะเป็นประโยชน์กับ
คุณผู้อ่านที่กำลังกลัวความล้มเหลวอยู่นะครับ
สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ
จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม พอดแคสต์
ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น