บทความ เกมเซ็นเตอร์

 


ผมได้มีโอกาสอ่านกระทู้พันทิปที่น่าสนใจหัวข้อหนึ่งครับ เป็นกระทู้สั้น ๆ  เจ้าของกระทู้  ตั้งคำถามขึ้นมาครับว่าใครชอบเล่นเกมบนห้างสรรพสินค้าเหมือนเขาบ้าง

 

เจ้าของกระทู้บอกว่าเขาสามารถอยู่บนห้างนะครับ เพื่อนเล่นเกมเซ็นเตอร์  ได้ทั้งวันเลยครับ

 

หลังจากนั้นนะครับ ก็ได้มีคนมาคอมเม้นมากมายครับ 

 

มีคอมเม้นหนึ่งน่าสนใจมากครับ โดย comment นะครับได้ถามกับเจ้าของกระทู้ไปว่า อยู่ที่เกมเซ็นเตอร์ทั้งวัน หมดเงินไปกี่บาทคะ เพราะว่าเวลาเล่นเครื่องเล่นเหล่านี้  มันต้องหยอดเหรียญครั้งละ 10 ถึง 30 บาท เจ้าของกระทู้บอกว่าอยู่ทั้งวัน ก็เลยอยากทราบว่า หมดเงินไปเท่าไหร่ 

 

แล้วเจ้าของกระทู้ก็เข้ามาตอบนะครับ คุณผู้อ่าน เธอตอบว่า หมดเงินไปประมาณวันละ 500 บาท เห็นจะได้ 

 

ตอนอ่านครั้งแรกนะครับ ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นจำนวนที่เยอะมาก ๆ เลย แถมเธอบอกว่าเธอไปอีก Game Center นะครับ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งด้วย 

 

เจ้าของคอมเม้นเดิมนะครับ จึงมาComment ต่อแบบนี้ครับว่า เขาแนะนำว่าถ้าเจ้าของกระทู้เก็บเงินที่จะไปเล่นเกมเซ็นเตอร์ สัก 1 ปี นะคะ เจ้าของกระทู้จะมีเงินเก็บทั้งหมด 72,000 บาท 

 

ซึ่งนั่นเป็นจำนวนที่มากพอ ที่เจ้าของกระทู้จะสามารถซื้อเครื่องเล่นในเกมเซ็นเตอร์มือสอง มาเก็บไว้ได้อย่างน้อย 1-2 ชิ้น และภายในเวลาไม่กี่ปีต่อมา เจ้าของกระทู้อาจจะเปิดเกมเซ็นเตอร์ได้เลยก็ได้ 

ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ตอบกลับมาว่า มันไม่ได้ฟิวค่ะ 

 

และบทสนทนาก็จบลงครับ 

 

จากที่ผมได้อ่านคอมเมนต์นี้นะครับ ทำให้ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างครับ แน่นอนว่าในเคสนี้นะครับ ความรู้สึกของเจ้าของกระทู้คือความสนุกที่ได้เล่นเกมเซ็นเตอร์บนห้างครับ ดังนั้นการซื้อเครื่องเกมกลับไปเล่นที่บ้านมันคงไม่ตอบโจทย์ 

 

แต่ คุณผู้อ่านคิดแบบผมไหมครับว่า วิธีคิดของเจ้าของ comment ท่านนี้ ก็น่าสนใจเลยทีเดียว 

 

บางครั้งนะครับ เราก็ใช้เงินไปกับความพึงพอใจระยะสั้น ใช้ครั้งเดียวแล้วก็หายไปเลย ทั้ง ๆ ที่ 

มันยังมีทางเลือกอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือ 

การเก็บเงินและซื้อสิ่งนั้นมาเป็นเจ้าของ 

 

ส่วนตัวแล้วผมเคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ แบบนี้ครับ คุณผู้อ่าน

เพราะว่าเมื่อนานมาแล้วนะครับ ผมเคยเช่าคอนโดราคาแพงอยู่ครับ พอกลับไปคิดดูดี ๆ แล้วนะครับ

ก็รู้สึกเสียดายค่าเช่าอยู่พอสมควรเลย 

 

เพราะว่าถ้าตอนนั้นนะครับ ผมเลือกที่จะผ่อนคอนโดและอาศัยอยู่ไปด้วย  ในวันนี้ผมคงจะมีคอนโด 1 ห้องเป็นของตัวเองไปแล้ว 

 

มีเพื่อนผมที่คิดแบบนี้เหมือนกันครับ โดยเพื่อนของผมนะครับเป็นคนที่ชอบกินหมูกระทะเป็นอย่างมาก โดยเข้ามักจะไปกินหมูกระทะอาทิตย์ละ 2 ครั้งครับ แล้วทุกครั้งที่ไปก็จะหมดเงินประมาณ 300 บาทตลอดเลย 

 

แต่แล้วในช่วงโควิดจึงทำให้เขาต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินหมูกระทะครับ

เขาซื้อเตาไฟฟ้าสำหรับย่างหมูกระทะ มาเก็บไว้ที่บ้านครับ   หลังจากนั้นเขาก็จะไปที่แม็คโคร เพื่อซื้อวัตถุดิบมาเก็บไว้ในตู้เย็นครับ

 

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เพื่อนของผมคนนี้นะครับ สามารถกินหมูกระทะได้บ่อยขึ้น ในราคาที่ถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อครับ 

 

เพราะว่าถ้าเรามาคิดกันดูดี ๆ แล้วนะครับ คุณผู้อ่าน เวลาไปกินหมูกระทะ  อาจจะมีเมนูให้เราเลือกกินหลากหลายก็จริงครับ แต่เมนูที่เราชอบกิน กินเยอะและกินบ่อยจริง ๆ   ก็มีไม่มากขนาดนั้นนะครับ ส่วนที่เหลือก็ตั้งประดับให้สวยงามไปเท่านั้น 

 

ดังนั้นเมื่อเพื่อนผมเลือกที่จะซื้อกระทะมาไว้ที่บ้าน เขาสามารถซื้อเฉพาะวัตถุดิบที่เขาอยากกินได้ตามใจ และเมื่อเทียบจำนวนเงินที่เสียไป เขาบอกว่ากินหมูกระทะที่บ้าน คุ้มกว่าหลายเท่าเลยครับ 

 

ที่สำคัญคือเราสามารถประยุกต์ได้ครับว่าวันนี้เราอยากจะกินหมูกระทะร้านถูกหรือว่าร้านแพง เพราะเราเป็นคนกำหนดเลือกซื้อวัตถุดิบด้วยตัวเราเอง 

 

นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างนะครับ ที่แสดงให้เห็นว่า การใช้เงินซื้อสิ่งของนั้น มันมีทางเลือกอีกหนึ่งทาง 

ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป 

 

หลายคนเลือกที่จะใช้เงินให้หมดไปภายในครั้งเดียวเพื่อแลกมากับความพึงพอใจ เพียงแค่ครั้งเดียว 

แต่บางคนอาจจะเลือกที่จะอดทนเก็บเงินให้มากพอ

เพื่อซื้อสิ่งนั้นมาเป็นเจ้าของ พวกเขา

จะได้พึงพอใจกับสิ่งที่พวกเขารักมากเท่าไหร่ก็ได้ 

 

ก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการซื้อของครับ ถ้า คุณผู้อ่านอยากจะพึงพอใจกับ สิ่งที่ คุณผู้อ่าน รักหลาย ๆ ครั้ง เวลาซื้อของ หรือใช้บริการใด ๆ ก็ตาม อย่าลืมคิดให้ดีครับว่า ทางเลือกที่เหมาะกับ คุณผู้อ่านที่สุดคือทางไหน 

 

เพราะในบางครั้ง การอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ก็คุ้มกว่ากันเยอะเลยครับ 




สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ

จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม  พอดแคสต์

ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

บทความ เทคนิคการจีบสาว ฉบับเจ้าของเพจสายลมแห่งชีวิต

บทความ แตะตัวทำให้ชอบกันได้ไหม

บทความ เทคนิคการจดจำ

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน