บทความ อิจฉาคนใกล้ตัว
เวลาเราได้ฟังบทสัมภาษณ์ของนักเรียนแลกเปลี่ยนที่จบจากเมืองนอกเมืองนา
มาทีไรนะครับ พวกเขามันจะบอกว่า ในห้องเรียนต่างประเทศ
เวลาครูถามคำถามอะไรนะครับ
เด็กทั้งห้องมักจะแย่งกันยกมือตอบเสมอ
ซึ่งผิดกับห้องเรียนเด็กไทย
ทีเด็กส่วนใหญ่ ไม่กล้าที่จะ ยกมือตอบ
ถึงแม้ว่าจะรู้คำตอบก็ตาม
มีนักวิเคราะห์ท่านหนึ่งครับ
เขาได้วิเคราะห์ว่าพฤติกรรมนี้มันเกิดจากการที่เด็กไทย ไม่กล้าแสดงออกจริงหรือเปล่า
เขาบอกว่ามีคำศัพท์
คําหนึ่งครับ ที่ไม่มีในภาษาอังกฤษ แต่มีแค่เฉพาะในภาษาไทย คำ ๆ นั้นก็คือ คำว่า
หมั่นไส้ครับ
เขาบอกว่าด้วยคำ
ๆ นี้ล่ะครับ จึงทำให้เด็กไทย
ไม่กล้าที่จะยกมือตอบ
เพราะหาก เราเด่นเราดังมากจนเกินไป ก็อาจจะโดนเพื่อน ๆ หมั่นไส้เอาก็ได้
ซึ่งดูเหมือนสิ่งที่นักวิเคราะห์ท่านนี้ได้วิเคราะห์ไว้
ก็น่าจะเป็นเรื่องจริงนะครับ
เพราะขนาดหลวงวิจิตรวาทการ
ก็ยังเคยแต่งกลอนสอนเราไว้เลยครับว่า
อันที่จริงคนเขาอยากให้เราได้ดี
แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย
ไม่มีใครอยากให้เราเด่นเกิน
โดยกลอนบทนี้นะครับ
ได้อธิบายอย่างชัดเจนครับว่านิสัยของคนไทยนั้น เป็นอย่างไร
หากเราเก่งเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเขามากเกินไป ก็จะมีคนที่หมั่นไส้
และอาจจะไปถึงขั้นเกลียดเราเลยก็ได้ และในหลาย ๆ ครั้งนะครับ
คนเหล่านั้นก็อาจจะประสงค์ร้ายกับเราก็ได้ครับ
พูดถึงเรื่องความรู้สึกที่ไม่อยากให้คนอื่นได้ดีเกินเรานะครับ
จริง ๆ มันก็มีงานวิจัยเรื่องนี้ออกมาตั้งนานแล้วครับ
อย่างเช่นที่เขาถามว่า
หากให้เราเลือกนะครับ ระหว่าง
ทุกคนได้เงินเดือนเพิ่มเท่า
ๆ กัน แต่ได้เพิ่มแค่หมื่นเดียว กับ เราจะได้เงินเดือนเพิ่มเป็น 20000 แต่เพื่อนคนอื่นได้เงินเดือนเพิ่ม 30,000 เราจะเลือกอะไร
ปรากฏว่าคนส่วนใหญ่
เลือกที่จะได้เงินเดือนเพิ่ม 10000 เท่ากันทุกคนครับ
ทั้ง ๆ ที่หากเลือกข้อที่
2 เราจะได้เงินเดือนเพิ่ม ถึง2หมื่น
เลยทีเดียว
แต่การที่เราเห็นเพื่อนได้เงินเดือนมากกว่าเรา
เราจึงรู้สึกว่า มันไม่ยุติธรรมครับ จึงยอมที่จะได้เงินแค่หมื่นเดียว ยังดีกว่า
ให้คนอื่นได้ดีกว่าเรา
ดูเหมือนความรู้สึกที่ไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดีกว่าเรา
จะเป็นเรื่องจริงนะครับ
แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะแค่คนไทยด้วยแต่เป็นกันทั้งโลก
แล้วถ้าหาก คุณผู้อ่านเคยฟังสัมภาษณ์ของแม่ค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จอยู่บ้างนะครับ
คุณผู้อ่านจะพบความจริงที่คล้าย ๆ กันครับ
นั่นก็คือ พวกเธอ มักจะบอกว่า
ในช่วงที่พวกเธอเริ่มขายของออนไลน์ใหม่ ๆ นะครับ
พ่อแม่พี่น้องหรือว่าเพื่อน
ๆ คนใกล้ ๆ ตัว จะไม่ค่อยมีใครสนับสนุน
หรืออุดหนุนพวกเธอเหรอกครับ จะไม่ค่อยมีใครช่วยเหลือพวกเธอ แม้แต่ช่วยกดติดตามหรือกดไลท์
ยังไม่ค่อยมีใครอยากจะกดให้เลย
แต่กลับกลายเป็นว่า
คนที่ไม่รู้จักต่างหาก คนเหล่านั้นกลับเป็นคนที่ เข้ามาเพื่อสนับสนุนพวกเธอ
และคอยเป็นแฟนคลับให้พวกเธอ
คำถามคือทำไมคนที่เราสนิทใกล้ชิด
ถึงไม่สนับสนุนเรา แต่กลับกลายเป็นคนนอกซะงั้น ที่คอย support
เรื่องนี้ก็วนเข้าเรื่องเดิมล่ะครับ
ไม่มีใครอยากเห็นคนอื่นได้ดี ยิ่งโดยเฉพาะคนใกล้ตัวแล้ว หากเด่นเกินเขาก็จะรู้สึกหมั่นไส้อยู่ในใจลึก ๆ ครับ
แต่ความรู้สึกนี้มันไม่ได้เกิดกับคนที่เป็นคนนอกครับ
ยกตัวอย่างเช่น คุณผู้อ่านเห็นอีลอนมัสก์
รวยเอารวยเอา
คุณผู้อ่านก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาอะไรเขาเลยใช่ไหมครับ
แต่ในทางกลับกัน
หากเพื่อนสนิทที่แสนขี้เกียจขอบ คุณผู้อ่าน วันหนึ่ง เกิดประสบความสำเร็จ
หรือมากกว่านั้นเกิดถูกหวยขึ้นมา จนร่ำรวย ภายในพริบตา คำว่าอิจฉามันจะต้องลอยขึ้นมาในสมองเราอย่างแน่นอน
จริง ๆ ผมเคยฟังสัมภาษณ์ของคุณเอศุภชัยด้วยนะครับ
เกี่ยวกับเรื่องของการโดนคนใกล้ตัวอิจฉาและหมั่นไส้
แต่ผมคิดว่ายกตัวอย่างแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ
เอาเป็นว่า เรามาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า
ในเมื่อตอนนี้เรารู้แล้วนะครับว่า
การที่เราเด่นเราดังเกินหน้าเกินตาคนอื่น จะทำให้คนอื่นรู้สึกหมั่นไส้
ถ้าเช่นนั้น
การโอ้อวด การคุยโม้ คุยโว จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่งนะครับ
หาก คุณผู้อ่านกำลังพยายามที่จะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จอยู่นะครับ
ก็ไม่ต้องไปป่าวประกาศให้ใครได้รับรู้ครับ
ไม่ต้องไปคอยอัพเดทพัฒนาการ
หรือความสำเร็จของเราให้ใครฟัง
แล้วก็ไม่ต้องแคร์ด้วยครับ
ไม่ต้องคิดมากครับ ที่คนรอบ คุณผู้อ่าน คนที่ คุณผู้อ่านรัก
จะไม่ช่วยเหลือคนผู้ฟัง
เพราะนั่นธรรมชาติของมนุษย์
แต่ให้
คุณผู้อ่านพยายามทำสิ่งที่คุณต้องฟังอยากทำให้เต็มที่ครับ ทำให้ประสบความสำเร็จ แล้วเมื่อวันที่ คุณผู้อ่านประสบความสำเร็จมาถึง
เชื่อว่าทุกคนจะมาร่วมแสดงความยินดีกับ คุณผู้อ่าน อย่างแน่นอนครับ
สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ
จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม พอดแคสต์
ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น