บทความ เงินเฟ้อ คนก็เฟ้อ
เงินเฟ้อ
คนก็เฟ้อ
พูดถึงราคาสินค้าและบริการของช่วงนี้แล้วนะครับ
คุณผู้อ่าน
หลายคนน่าจะ
เริ่มสังเกตกันมาสักพักแล้วใช่ไหมครับ
ว่า
ของแพงขึ้นมากเลยทีเดียว
แต่มันก็มีเรื่องน่าประหลาดใจอยู่อย่างหนึ่งครับ
คุณผู้อ่าน
เพราะในขณะที่คนมากมายกำลังบ่นว่า
ของแพง ของแพงอยู่นะครับ
ผมก็สังเกตเห็นว่า
ร้านอาหารสุดหรูราคาแพง ก็ยังมีคนเข้าไปนั่งกินกันเพียบเลย
โรงหนังสุดพรีเมี่ยม
ค่าตั๋วหลักพัน ก็มีคนเข้าไปดูไม่ใช่น้อย
แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาทั้งนั้น
ดูเหมือนในช่วงเวลาที่คนหลายคนกำลังบ่นเกี่ยวกับเรื่องของเงิน
กลับมีคนอีกกลุ่มหนึ่งนะครับ
ที่เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินด้วยเลย
ส่วนตัวผมเองนะครับ
ก็ใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาเพียงแค่ 2 คน
ซึ่งตอนนี้ ก็กำลังจะมีลูกน้อยด้วย
ก็เลยจำเป็นที่จะต้องวางแผนเกี่ยวกับการเงินอย่างเคร่งครัดพอสมควร
จากที่เมื่อก่อนนะครับ
ครอบครัวของเรา เรามักจะออกไปกินข้าวนอกบ้าน
หรือไม่ก็สั่ง Grab สั่ง Food Panda
ให้มาส่งถึงที่บ้านนะครับ
แต่หลัง
ๆ ผมรู้สึกว่า อาหารที่ได้มากับราคาที่ต้องเสียไป มันเริ่มที่จะไม่ค่อยคุ้มล่ะครับ
รู้สึกเหมือนตอนนี้
ถ้าไม่จ่ายขั้นต่ำที่ 600 ก็จะได้อาหารมาไม่เพียงพอกับจำนวนคน ในบ้านละครับ
เมื่อผมเริ่มรู้สึกว่า
การกินอาหารนอกบ้าน มันไม่คุ้มค่า กับเงินที่เสียไป นะครับ
ผมจึงเริ่มฝึกทำอาหารเพื่อกินเองที่บ้านครับ
เพราะมันประหยัดกว่ามาก ๆ เลย
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ล่ะครับ
คุณผู้อ่าน
ในขณะที่ของแพงขึ้น
เราจึงต้องเริ่มปรับตัว และเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิม ๆ
ปรับเพื่อให้ตัวเราอยู่รอด
ถ้าจะพูดไปแล้วนะครับ
นอกจากตอนนี้ เงินจะเฟ้อ
ของจะแพงขึ้นแล้ว
อีกสิ่งหนึ่ง
ที่ผมสังเกตเห็นว่า มันก็เฟ้อขึ้น ไม่แพ้เงินเลยนั่นก็คือ
อัตราการรับสมัครงานนั้นเอง
ดูเหมือนในช่วงเวลาที่ผ่านมานะครับ
จะมีผู้คนจำนวนมากเลยครับ ที่ตกงานและกำลังต้องการหางานทำอยู่
ทำให้ตอนนี้
ไม่ว่าจะเปิดรับสมัครพนักงานที่ไหนนะครับ
เรามักจะเห็นผู้คน เข้าคิว
รอสัมภาษณ์กันยาวเหยียดอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นหาก
คุณผู้อ่านมีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งอยู่แล้วนะครับ สังเกตไหมครับว่า ในทุก ๆ ปี
เงินเดือนหรือค่าตัวของ คุณผู้อ่าน ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน
ในยุคที่บริษัทมีตัวเลือกมากมาย
ที่ยืนต่อคิวรอสัมภาษณ์งาน ยาวเป็นหางว่าว
หากบริษัทเริ่มรู้สึกว่า
มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าการจ้างคุณเป็นพนักงาน
เขาจะยังทนจ้างคุณได้อีกนานสักแค่ไหน
ผมเชื่อว่าบริษัทก็ไม่ต่างอะไรกับผมเหรอกครับ
เมื่อผมเริ่มรู้สึกว่า
การสั่งอาหารมากินที่บ้าน
หรือการออกไปกินอาหารนอกบ้านเหมือนเดิม
มันเริ่มที่จะไม่คุ้มค่ากับราคาที่เสียไป
ด้วยจำนวนเงินที่เท่าเดิม
แต่ผมเริ่มที่จะกินอิ่มเหมือนเดิมไม่ได้
ผมจึงเลือกที่จะเปลี่ยนวิธีครับ
โดยการซื้อวัตถุดิบมาทำกับข้าวกินเอง
บริษัทก็เช่นเดียวกันครับ
ถ้าเขารู้สึกว่าการจ้างคุณทำงาน ทำให้เขากินไม่อิ่มเหมือนอย่างเคย
วันหนึ่ง
เขาอาจจะตัดสินใจ เลือกที่จะเปลี่ยนวิธีบริหารก็ได้นะครับ หลักฐานก็มีให้เห็นกันดาษดื่นครับพนักงานโดนปลดมากมายในยุคโควิด
แม้แต่บริษัทระดับโลกหลายแห่งก็ไม่เว้น
ดังนั้น
พยายามอย่าให้บริษัทรู้สึกกับคุณเหมือนกับที่ผมรู้สึกกับการกินอาหารนอกบ้านเลยครับ
สามารถฟังบทความดีๆ ในรูปแบบของพอดแคสต์ได้นะครับ
จาก บทสรุปฉบับแฮมแฮม พอดแคสต์
ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น