บทความ

บทความ : หากนอนไม่หลับพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

รูปภาพ
  ภาพหน้าปกจาก pixabay.com รู้ไหมครับว่าหากนอนไม่หลับพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร…ก็ ตื่นสายไงครับ แค่นั้นแหละ ผมไม่ได้กวนนะ ผลข้างเคียงเดียวของคนที่นอนไม่หลับแล้วต้องตื่นเช้า ก็คือ “ง่วงนอน” ไงครับ ผมเองก็เป็นคนนึงที่เคยประสบปัญหานอนไม่ค่อยหลับ ผมกังวล และกลัวทุกครั้งว่ามันจะส่งผลเลวร้ายกับชีวิตมหาศาลมากแค่ไหน ยิ่งคิดมาก ยิ่งกังวลมาก ก็ยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ แต่ผ่านไปคืนแล้วคืนเล่า การนอนไม่หลับมันก็แค่ทำให้ผมง่วงก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ส่งผลเสียเลวร้ายอะไรกับร่างกายผมขนาดนั้นเลย ผมสงสัยเหมือนกันว่านอนไม่หลับแล้วมันจะเป็นยังไง แล้วผมก็ได้ลองพิสูจน์ มันก็ไม่เป็นยังไงนะครับ ผมก็แค่ง่วงมากขึ้น สลึมสลือนิดหน่อย และอาจจะเผลอหลับในตอนพักเที่ยง สุดท้ายเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งร่างกายมันต้องการจะพักผ่อน แล้วเมื่อถึงจุดนั้นไม่ว่าเราจะกังวลกับอะไรมากแค่ไหนก็ตาม "มันจะหลับ" ไม่จำเป็นต้องกังวลที่นอนไม่หลับหรอกครับ ยังมีคนอีกมากมาย ที่เขาไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ถึงอยากหลับเขาก็ยังหลับไม่ได้ เพราะต้องทำงาน ยังมีคนมากมายที่ตื่นอยู่ในตอนกลางคืน และยังมีคนมากมายที่นอนไม่หลับเหมือนกับคุณ อยากให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่ค

บทความ : ทำไมหมอบางคนถึง“อ้วน”

รูปภาพ
ภาพหน้าปกจาก pixabay.com   ถ้าจะพูดถึงคนที่มีความรู้เรื่องสุขภาพ และใส่ใจในสุขภาพของผู้อื่นมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น "คุณหมอ" ตามโรงพยาบาลอย่างแน่นอน คุณหมอส่วนใหญ่นั้นรู้วิธีการดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นอย่างดี  เมื่อใกล้พบนัดหมอ แม่ของผมจะกระวนกระวายทุกครั้ง ถ้าถามว่าทำไม ก็คงจะต้องตอบว่า ก็เพราะว่าน้ำหนักของแม่ขึ้นอีกแล้วนะสิ แม่กลัวว่าจะโดนคุณหมอดุ (ถึงแม้หมอจะไม่เคยดุก็ตาม) คนไข้ส่วนใหญ่มักจะรู้สึกผิดเสมอ ที่ทำผิดต่อหมอ รับปากหมอไว้แล้ว สัญญากับหมอไว้ซะดิบดี ว่าจะลดน้ำหนัก ว่าจะไม่ตามใจปาก แต่พอออกจากโรงพยาบาลคนไข้ก็ลืมคำเหล่านั้นจนหมดสิ้นอยู่ดี  เมื่อใกล้วันนัดพบหมออีกครั้งความรู้สึกผิดที่คนไข้มี ก็เริ่มทวีคูณมากขึ้น ราวกับเด็กน้อยที่ลืมทำการบ้านแล้วกลัวโดนคุณครูตี  แล้วในวันหนึ่งที่ผมกำลังนั่งรอแม่ตรวจร่างกายอยู่นั้น ผมก็ได้เห็นคุณหมอท่านนึงเดินผ่านผมไป ที่น่าแปลกใจคือท่านอ้วนมาก ผมเริ่มสังเกตเห็นว่าหมอที่น้ำหนักเกิน และลงพุงก็มีเยอะไม่ใช่เล่นเหมือนกัน  คุณหมอมักจะตักเตือนแม่ผม อย่าตามใจปาก อย่ากินรสจัด ออกกำลังกายบ้าง อย่านอนดึก พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าเครียด  สิ่งที่ออกจากป

บทความ : ทำไมคุณถึงควรช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ทวงบุญคุณ

รูปภาพ
  ภาพหน้าปกจาก pixabay.com ทำไมคุณถึงควรช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ทวงบุญคุณ   สมมุติว่าคุณกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง และ ด้วยความบังเอิญคุณก็ได้เจอเข้ากับ ชายคนหนึ่ง เขาหกล้มบาดเจ็บ คุณรีบวิ่งไปช่วยเขาในทันที ปฐมพยาบาลให้ซะดิบดี เมื่อชายคนนั้นหายเจ็บ เขากล่าวคำขอบคุณสั้น ๆ ก่อนที่จะจากไป และสมมุติว่าวันหนึ่งคุณเกิดหกล้มบาดเจ็บบ้าง ชายคนที่คุณเคยปฐมพยาบาลให้เดินผ่านมาเจอคุณเข้าแต่เขากลับเลือกที่จะไม่ช่วยเหลือ และเดินจากไป คุณจะรู้สึกเช่นไร   คุณคงจะอุทานออกมาว่า “ ช่วยเขาไปก็เท่านั้นพอทีเราเจ็บบ้างไม่เห็นเขาจะช่วยเราบ้างเลย ”  สิ่งที่ดีงามอย่างหนึ่งของมนุษย์ ที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่จริงนั่นก็คือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามที่ลำบากไม่ว่าจะด้วยทางตรง หรือทางอ้อม จะด้วยคำพูด หรือการกระทำ การช่วยเหลือกันเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง   ถ้าพูดตามหลักพระพุทธศาสนา การให้คือความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ   ดังนั้นเมื่อเราช่วยใครสักคนหนึ่งให้ผ่านวิกฤต หรือความทุกข์ไปได้ เราก็ควรจะมีความสุขอย่างนั้นไม่ใช่หรือ แต่ทำไมหลายครั้งเราถึงเกิดความทุกข์ และความทรมานใจแทนกันล่ะ  “ นั่นก็เพร

บทความ : ทำไมคุณถึงควรทำดีเฉพาะกับคนที่คู่ควร

รูปภาพ
  ภาพหน้าปกจาก pixabay.com ทำไมคุณถึงควรทำดีเฉพาะกับคนที่คู่ควร   ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ Sensitive มาก ผมก็คิดอยู่ว่าควรจะเขียนดีหรือไม่ เพราะในวัฒนธรรมไทยของเรานั้นได้สั่งสอนให้เราเป็นคนที่มีน้ำจิตน้ำใจ และมีเมตตากับทุก ๆ คนที่เราพบเจอ โดยไม่ละเว้นว่าคนนั้นเขาคือใครมาจากไหน กำลังประสงค์ดีหรือร้ายกับเราหรือไม่   แน่นอนว่าในสังคมเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะให้คนอย่างไรเข้ามาในชีวิตของเรา เพราะถ้าเราเลือกได้เราคงอยากให้มีแต่คนดี ๆ เข้ามา แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะในทุก ๆ สังคม ในทุก ๆ สถานที่ต่างมีคนดี และไม่ดีปะปนกันอยู่ทั้งสิ้น แน่นอนว่า คนเรานั้นร้อยพ่อพันแม่ คุณไม่อาจตัดสินได้ว่าใครเป็นคนดี หรือไม่ดีในครั้งแรกที่เห็น หรือจากการฟังบทสัมภาษณ์เพียงครั้งเดียวของเขา   เชื่อว่าในชีวิตของคุณผู้อ่านน่าจะเคยประสบพบเจอกับคนที่ไม่จริงใจ หน้าไหว้หลังหลอก คิดคต หรือต่อหน้าทำดีด้วยแต่ลับหลังนั้นอีกเรื่องนึงกันมาบ้าง   คนเหล่านี้พบเจอได้ในทุก ๆ สถานที่ ดังนั้นไม่ว่าคุณผู้อ่านจะหนีไปที่ไหนก็จะเจออยู่ดี และคำถามไม่ใช่ ทำไมพวกเขาถึงเป็นคนแบบนี้ แต่คำถามที่ถูกคือ คุณควรจะปฏิบัติตัวกับคนเหล

ทำอย่างไรหากวันนึงเราเกิดเบื่อสิ่งที่เรารัก

รูปภาพ
  ภาพหน้าปกจาก pixabay.com ทำอย่างไรหากวันนึงเราเกิดเบื่อสิ่งที่เรารัก   “ ถ้าคุณทำสิ่งที่คุณรักคุณจะทำได้ดี ” ประโยคสำเร็จรูปที่พูดต่อ ๆ กันมาอย่างยาวนาน เชื่อว่าคุณผู้อ่านน่าจะเคยได้ยินประโยคนี้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย แล้วคนส่วนใหญ่ที่ได้ยินประโยคนี้ก็มักจะคล้อยตามโดยไม่อาจปฏิเสธได้   ใช่ครับเมื่อผมได้ยินครั้งแรกผมก็เชื่อเช่นกัน ถ้าเรารักสิ่งที่เราทำ เราจะอยากทำมันอยากอยู่กับมันไปตลอด ดังนั้น เราย่อมทำสิ่งนั้นออกมาได้ดีอย่างแน่นอน …. แต่หลังจากนั้นล่ะ   ช่วงเวลาของการฝึกฝนหรือทำบางสิ่งบางอย่าง อย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุก ๆ วัน ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน   ตอนเด็ก ๆ ผมชอบฟังเพลง ๆ นึงมากผมเปิดฟังมันแค่เพลงเดียวติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน ฟังเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อเลย และคิดว่าคงจะไม่มีวันเบื่อมันไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน ผมยกให้เพลงนั้นเป็นเพลงโปรดประจำตัวของผมเลยทีเดียว แต่หลังจากนั้นไม่นานผมก็เบื่อเพลงดังกล่าวจนได้   มันทำให้ผมคิดได้ว่าต่อให้เราชอบบางสิ่งมากแค่ไหนก็ตามแต่หากเราอยู่แต่กับสิ่งนั้น ทำแต่สิ่งนั้นตลอดเวลา เราก็จะเบื่อมันในที่สุด มนุษย์เราไม่สามารถอยู่กับสิ่ง ๆ เด

ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน

รูปภาพ
  ทำไมคุณถึงไม่ควรแคร์คำพูดของป้าข้างบ้าน หากจะพูดถึงใครบางคนที่มักจะถามคำถามส่วนตัวของเรา โดยไม่มีกาละเทศะอยู่เป็นประจำแล้วล่ะก็ คงหนีไม่พ้นมนุษย์ป้าที่อยู่ข้างบ้านอย่างแน่นอน   แท้จริงแล้วคำพูดเหล่านี้เป็นแค่การอุปมาอุปไมย จริง ๆ ป้าข้างบ้านในที่นี้หมายถึง ใครก็ตามที่มักจะตั้งคำถามกับชีวิตของเรา อยากรับรู้ อยากฟังชีวิตของเราอยู่เสมอ.. ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนห่วงใยแต่ภายในนั้นเรามิอาจรู้ได้   พวกเขาเพียงต้องการตั้งคำถาม และตั้งคำถามซ้ำด้วยสายตาที่เหมือนกับว่าจะเป็นห่วงเราซะเต็มประดา   ตอนเป็นเด็กเราจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากป้าข้างบ้านสักเท่าไหร่ เพราะคนที่โดนยิงคำถามรัว ๆ ก็คือพ่อแม่ของเรา จนเราโตขึ้นมาสักหน่อยป้าข้างบ้านก็จะเริ่มเบนเข็มจากพ่อแม่มาสู่ตัวเรา   หนูเรียนโรงเรียนอะไร โรงเรียนรัฐบาลหรือเอกชน ได้เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ มีแฟนหรือยัง แอบชอบใครอยู่หรือเปล่า เมื่อไหร่จะมีแฟน เมื่อไหร่จะเรียนจบ เป็นต้น  และ แน่นอนว่าไม่ว่าคุณจะตอบอะไรออกไป ป้าข้างบ้านก็จะให้คำแนะนำในทางเลือกอื่นที่ดีกว่าทางที่เราเลือก หรือสิ่งที่เราเป็นอยู่เสมอ ชีวิตของเราทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทั้งรูปร่ างหน

วิธีลืมความรักครั้งเก่า

รูปภาพ
  คุณอกหักครั้งล่าสุดเมื่อไหร่.... สำหรับคนที่มีประสบการณ์ในด้านของความรักยังน้อย การอกหักถือว่าเป็นเรื่องเจ็บปวด และทรมานเป็นอย่างมาก ถึงเราจะรู้ดีก็เถอะว่า  ไม่มีใครไม่เคยอกหัก แต่เมื่อเจอกับตัวเข้าก็ทรมานกันทุกคน   คุณรู้หรือไม่ว่าอาการเจ็บทางใจนั้น ให้ผลไม่ต่างกับการบาดเจ็บทางร่างกายเลยสักนิด เพราะสมองของเราได้หลั่งสารสื่อประสาทแบบเดียวกันกับการโดนทำร้ายทางร่างกายออกมา เพราะฉะนั้นเราถึงรู้สึกว่าการอกหักมันเจ็บปวดและทรมาน   อย่างไรก็ตามนักวิชาการ และผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านของความรัก ก็มักจะปลอบใจเราด้วยวิธีการที่ไม่ต่างกันมากนักนั่นคือ เขาจะบอกว่า   " เวลาจะช่วยเยียวยาจิตใจ"   วันนี้คุณอาจจะเสียใจแต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะหัวเราะให้กับตัวคุณในวันนี้   เพราะเวลาจะทำให้เราลืมคน ๆ นั้นได้.... จริงหรือ ผู้มีประสบการณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เวลาคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยเยียวยาความรักที่ผ่านพ้นไปแล้ว ให้จืดจางลงได้ แล้วทำไมแต่ละคนถึงใช้เวลาไม่เท่ากันล่ะ บางคนใช้เวลาในการลืมคนรักเก่าเป็นปี ๆ แต่บางคนแค่ไม่กี่เดือนก็ลืมได้แล้ว   ถ้าเวลาคือปัจจัยที่ถูกต้องจริง ๆ คนที่อกหักพร้อมกันก